On Leadership

0
3919

สวัสดีปีใหม่ 2565 ครับทุกๆท่าน

เวลาในแต่ละปีไหลผ่านไปรวดเร็วเหลือเกิน พบกันครั้งนี้เป็นช่วงเวลาแห่งการเริ่มต้นปีใหม่ ซึ่งก็เป็นเวลาเดียวกับการตั้งเป้าหมายใหม่ของมนุษย์ส่วนใหญ่ เพื่อให้การเดินทางของทุกท่านมีมุมมองความเข้าใจที่ลึกซึ้งขึ้น ผมจึงขอแบ่งปันในส่วนของบทเรียนรู้ที่ผมได้รับจากการเผชิญกับอุปสรรคปัญหาต่างๆในปี 2564 ที่ผ่านมา ซึ่งผมได้สกัด “5 บทเรียนรู้ที่ได้จากปี 2564 “ ดังนี้ครับ

1.เมื่อโลกเปลี่ยน เราต้องปรับหรือเปลี่ยนล่วงหน้า
เมื่อปีที่ผ่านมาถือว่าภัยจากโรคระบาดโควิด ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญต่อเนื่องจากปี 2563 ที่เป็นตัวเร่งการเปลี่ยนแปลงของโมเดลธุรกิจ โมเดลธุรกิจเดิมที่เป็นแนวออฟไลน์เข้าสู่ยุคที่ไม่สามารถยืนเดี่ยวได้ ต้องมีการพัฒนายกระดับเทคโนโลยี่และเครื่องมือดิจิทัลเพื่อใช้ในการนำเสนอคุณค่าของตนเอง การให้บริการลูกค้าและการบริหารข้อมูลให้เกิดประโยชน์สูงสุด
ดังนั้น หากใครปรับไม่ได้ เปลี่ยนไม่ทัน ก็จะไม่สามารถอยู่ในเกมต่อไปได้ นอกจากนั้น เมื่อพูดถึงการปรับ ต้องปรับกันทั้งทีม และปรับกันตั้งแต่ความคิด ทัศนคติ ความรู้และเครื่องมือสมัยใหม่ จึงขอเป็นกำลังใจให้ทุกๆคน จงอยู่กับการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงให้เร็วเพื่อการไปต่อ

2.วิกฤตเป็นโอกาสของคนที่มองเห็นก่อน
ในทุกๆวิกฤติมีโอกาสแฝงมาด้วยเสมอ และวิกฤตของคนกลุ่มหนึ่ง ก็มักจะเป็นโอกาสของคนอีกกลุ่มหนึ่ง เพราะวิกฤตสร้างปัญหาให้เกิดขึ้น แต่ใครที่มีปัญญามองเห็นโอกาสในการแก้ปัญหาให้คนอื่นก่อน คนนั้นจะคว้าโอกาสไป ดังนั้น จงอย่าเสียสมดุลทางอารมณ์เมื่อเกิดวิกฤต ให้มองหาเหรียญอีกด้าน นั่นคือด้านที่เป็นการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น เราก็จะสามารถไปต่อได้ และยังไปได้ดีกว่าภาวะปกติอีกด้วย

3.พลัง 3 ประสาน คือพลังที่จะช่วยให้เราก้าวผ่านในทุกสภาวะการณ์
วิกฤตหรืออุปสรรคปัญหาคือสิ่งกีดขวางการก้าวไปข้างหน้าของมนุษย์ทุกคน และการก้าวข้ามสิ่งกีดขวางนั้น ต้องใช้ทั้งพลังกาย พลังใจ พลังสมองและพลังเงิน ดังนั้น เราจึงต้องฉลาดพอที่จะหล่อหลอมพลังที่ว่าทั้งหมด ผ่านการคิดเชิงกลยุทธ์ การบริหารการเงินอย่างถูกต้อง และการบริหารสภาวะอารมณ์ให้เปี่ยมพลังทั้งกายและใจ

4.พลังทีมคือหัวใจของชัยชนะ
คนเราทุกคนมีขีดความสามารถที่จำกัด แต่ถ้าเรารวมตัวกันเป็นทีมที่ยิ่งใหญ่ เราทุกคนก็จะมีความสามารถที่ไร้ขีดจำกัด ตอนที่เราเรียนอยู่มหาวิทยาลัย อาจารย์จะมอบหมายโจทย์ที่เป็นทั้งงานเดี่ยวและงานกลุ่ม แต่ชีวิตจริงถูกออกแบบมาให้เป็นงานกลุ่มมากกว่า ดังนั้น เราจึงต้องรวมพลังทีมที่เชื่อมกันด้วยหัวใจ ค่อยตามด้วยร่างกาย จงอย่ามีแต่ทีมที่อยู่กันด้วยร่างกายแต่ขาดอารมณ์ของความร่วมแรงร่วมใจ เพราะถ้าขาดส่วนของหัวใจ ถือว่าขาดส่วนที่เป็นแก่นของพลังทีม

5.ผู้นำที่ดีจะช่วยนำพาองค์กรหรือทีมไปสู่ชัยชนะ
ในภาวะคลื่นลมสงบแบบสังคมเกษตรกรรม เราอาจไม่เห็นความแตกต่างของผลที่เกิดจากการนำของผู้นำแต่ละคน แต่ในโลกยุคดิจิทัล ยุคผันแปร เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและเร็วขึ้นไปอีก ระดับภาวะผู้นำที่มีทั้งสติปัญญา มีทั้งอีคิว มีทั้งร่างกายที่พร้อมและมีทั้งจิตวิญญาณที่คิดถึงการเติบโตและความสำเร็จที่ยั่งยืนขององค์กรหรือของส่วนรวม ถือเป็นองค์ประกอบที่สำคัญที่สุด จนสามารถสรุปได้ว่า “ไม่มีทีมที่ห่วย มีแต่ผู้นำที่ห่วยเท่านั้น” ดังนั้น จงพัฒนายกระดับตัวเราให้เป็นผู้นำที่ทั้งเก่งและดี นะครับ

นี่คือบทเรียนรู้ที่ผมได้มาในปี 2564 ที่ผ่านมา ซึ่งผมเชื่อว่าจะสามารถช่วยเติมเต็มให้กับท่านได้อย่างแน่นอน และขอให้ปีใหม่ 2565 นี้ จงเป็นปีแห่งความเฉลียวฉลาดและทำการสิ่งใดก็สามารถลุล่วงตามเป้าหมายได้ทุกประการครับ