สรุปประเด็นสำคัญ จาก LIVE สด “How top Asia Pacific Bond Manager handles market volatility” โดย KBank Private Banking ร่วมกับพันธมิตร Lombard Odier วันศุกร์ที่ 17 เมษายน 2563

0
1614

ตลาดทุนโลกผันผวนอย่างหนักจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 นักลงทุนเทขายสินทรัพย์ ส่งผลให้ตลาดหุ้นตกต่ำที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ ไม่เว้นแม้แต่กองทุนตราสารหนี้ KBank Private Banking ร่วมกับพันธมิตรระดับโลกอย่าง Lombard Odier เชื่อว่าเศรษฐกิจโลกที่ได้รับผลกระทบจะกลับมาฟื้นตัวได้ภายหลัง มีการใช้มาตรการทางการเงินด้วยการลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางและการอัดฉีดสภาพคล่องเพิ่มเข้าสู่ระบบ

กองทุน K-APB เป็นกองทุนเปิดที่เน้นลงทุนในหน่วยลงทุน LO Funds – Asia Value Bond Fund, (USD) ที่​ลงทุนในตราสารหนี้ เพื่อให้ได้ผลตอบแทนจากดอกเบี้ยและการเพิ่มขึ้นของเงินลงทุนโดยจะลงทุนในตราสารหนี้ภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (รวมประเทศญี่ปุ่น) ที่อยู่ในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งอาจลงทุนในตราสารหนี้ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือต่ำกว่าที่สามารถลงทุนได้ (Non – Investment Grade) และตราสารหนี้ที่ไม่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ (Unrated Securities) ได้​

มร.ดีราช บาจาช Head of Asia Credit,  Lombard Odier ให้ความเห็นว่า Lombard Odier บริหารจัดการกองทุนแบบเชิงรุกการวิเคราะห์ประเมินเครดิตของตราสารทุกตัวที่ลงทุนอย่างละเอียด เน้นเชิงมูลค่าโดยให้ความสำคัญต่อปัจจัยพื้นฐานเป็นสำคัญ ประเมินว่าตลาดที่ผันผวนในช่วงก่อนหน้านี้เป็นเพียงปัญหาชั่วคราว เมื่อภาวะตลาดกลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้วคาดว่าราคาของตราสารหนี้จะฟื้นตัวกลับขึ้นมาที่ระดับเดิมได้และสร้างผลตอบแทนให้กับนักลงทุนได้ดีดังเช่นในอดีตที่ผ่านมา

 ด้าน  ดร.ตรีพล ภูมิวสนะ Private Banking Business Head, Private Banking Group ธนาคารกสิกรไทยให้คำแนะนำในการจัดสรรพอร์ตการลงทุนของ K-APB ว่า ธนาคารยังคงน้ำหนักการลงทุนในระดับ 3% สำหรับพอร์ต Model 1*  และ 5% สำหรับนักลงทุนที่สามารถรับความเสี่ยงได้เพิ่มขึ้นมาหรือ Model 2 **  ทั้งนี้ ธนาคารยังคงมั่นใจว่าการลงทุนใน K-APB ยังคงเหมาะสมในภาวะดอกเบี้ยที่คาดว่าจะอยู่ในระดับที่ต่ำต่อไปอีกนาน สามารถคาดหวังผลตอบแทนที่ดีกว่าเงินฝากในระยะยาว และยังเชื่อว่าเมื่อเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวกองทุน  K-APB ยังจะช่วยพอร์ตเสริมในส่วนของการเพิ่มรายได้เป็นอย่างดี

* ประกอบด้วยการลงทุนในพอร์ตหลัก 60% และ พอร์ตเสริม 40%

** ประกอบด้วยการลงทุนในพอร์ตหลัก 50% และ พอร์ตเสริม 50%​​