กคช. ดันผู้ผลิตสินค้าในชุมชนสร้างแบรนด์สู่ OTOP

0
1437

นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ มีความห่วงใยพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) จึงจัดตั้ง “คณะทำงานขับเคลื่อนมาตรการป้องกันแก้ไขและช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโคน่า 2019 (COVID -19) ในชุมชน” เพื่อช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบต่อสถานการณ์ดังกล่าวให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีและมีความสุขมากขึ้น

นางวิไล มณีประสพโชค รองผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ กล่าวว่า “จากสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา (COVIC – 19) ส่งผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจโลกและเกิดวิกฤตเศรษฐกิจในประเทศไทย ทำให้บริษัท ห้างร้านหลายแห่งต้องปิดกิจการ ลดการจ้างแรงงานทำให้หลายครอบครัวต้องประสบกับความยากลำบาก

ในการดำรงชีวิตของตนเองและครอบครัว กลุ่มแม่บ้าน ผู้ว่างงาน ผู้สูงอายุ และผู้ด้อยโอกาส จึงสามารถแบ่งเบาภาระครอบครัวได้โดยใช้เวลาในการฝึกอาชีพ ผลิตสินค้าชุมชน เพื่อหารายได้เลี้ยงตนเองและครอบครัว

การเคหะแห่งชาติที่มีชุมชนอยู่ในความดูแลทั่วประเทศกว่า 700 ชุมชน ได้ตระหนักและเล็งเห็นถึงความสำคัญในการแก้ไขปัญหาการขาดรายได้และการว่างงานของผู้อยู่อาศัยในชุมชนของการเคหะแห่งชาติ จึงจัดให้มีโครงการพัฒนาสินค้าชุมชนของ กคช. “สร้างรายได้ สร้างชุมชน” เพื่อต่อยอดสินค้าที่ทำอยู่ให้มีความน่าสนใจ

มีมูลค่าเพิ่ม และพัฒนาสินค้าใหม่ให้ตรงกับความต้องการ สามารถแข่งขันกับตลาดทั่วไป รวมทั้งเพิ่มพูนความรู้ และทักษะในอาชีพไปใช้ในการประกอบอาชีพหลักหรืออาชีพเสริมเพื่อเพิ่มรายได้ให้กับครอบครัว ทั้งนี้การเคหะแห่งชาติได้รับเกียรติจากคณะอาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิ จากมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒและมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์เข้ามาให้ความรู้เรื่องการออกแบบสินค้า แพ็กเกจจิ้ง ช่องทางการขาย และสื่อในการโฆษณาประชาสัมพันธ์เพื่อให้สินค้าในชุมชนของการเคหะแห่งชาติ “น่าสนใจ ซื้อซ้ำ และบอกต่อ” สามารถสร้างรายได้ สร้างอาชีพ ให้เป็นที่ยอมรับและเป็นที่รู้จักอย่างกว้างต่อไป”

“สำหรับการจัดอบรมในครั้งนี้ การเคหะแห่งชาติคัดเลือกชุมชนนำร่องเข้าร่วมโครงการฯ จำนวน 11 ชุมชน และในโอกาสต่อไปจะขยายไปสู่ชุมชนอื่นๆ โดยให้ชุมชนนำร่องเป็นพี่เลี้ยงถ่ายทอดประสบการณ์จริง เพื่อผู้ผลิตสินค้าในชุมชน กคช. จะได้มีเครือข่ายและพันธมิตรต่างชุมชน อันจะนำไปต่อยอดในการพัฒนาสินค้าชุมชนได้อย่างยั่งยืน” นางวิไล กล่าวทิ้งท้าย