SCB CIO เปิดกลยุทธ์ลงทุนปี2022ฝ่าผลกระทบโควิด-19 ที่ลดลงแต่ยังไม่หายไป แนะลงทุนหุ้นกลุ่มประเทศและธุรกิจที่มีภูมิคุ้มกันสูง พร้อมธีมการลงทุนแห่งอนาคต 

0
1392

SCB CIO แนะนำจัดพอร์ตลงทุนแบบ Moderate Asset Allocation ในปี 2021ส่งผลให้สามารถสร้างผลตอบแทนได้สูงถึง 14.7%  และผลตอบแทนรายเดือนเป็นบวกทั้ง 12  เดือน จากการจัดสัดส่วนลงทุนให้เหมาะสมกับสภาวะตลาดในแต่ละช่วงเวลา   พร้อมประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจและการลงทุนในปี 2022  ผลกระทบโควิด-19 ลดลงแต่ยังไม่หายไป  นโยบายการเงินการคลังเริ่มตึงตัว เศรษฐกิจประเทศพัฒนาแล้วมีแนวโน้มการเติบโตชะลอลง ส่วนประเทศกำลังพัฒนาเศรษฐกิจจะเริ่มกลับมาฟื้นตัว แนะลงทุนกลุ่มประเทศและธุรกิจที่มีภูมิคุ้มกันสูง เช่น หุ้นสหรัฐฯ และยุโรป โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่ม quality growth โดยมีตลาดหุ้นเวียดนามยังเป็น top pick ในตลาดหุ้น ASEAN นอกจากนั้นยังเน้น 2 ธีมหลัก  ได้แก่ การลงทุนอุตสาหกรรมระยะยาวที่เติบโตต่อเนื่อง (Super Investment  theme) และอุตสาหกรรมแห่งอนาคตที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง ( Futuristic Investment  theme) โดยธีม Super Investment  ได้แก่หุ้นในกลุ่ม Renewable Energy & Decarbonization, Healthcare & Healthtech  และ Fintech ส่วนธีม Futuristic Investment ประกอบด้วยหุ้นกลุ่ม Aerospace & Space exploration และ กลุ่ม Metaverse

นายศรชัย สุเนต์ตา ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่   ผู้บริหารฝ่าย SCB Chief Investment Office  ( SCB CIO )  ธนาคารไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า คำแนะนำจัดสรรพอร์ตการลงทุน Moderate Asset Allocation  (ความเสี่ยงระดับกลาง) ของ SCB CIO ในช่วงปี 2021 (ข้อมูลถึงวันที่ 13 ธันวาคม ) สามารถสร้างผลตอบแทนได้ 14.7% โดยมีผลตอบแทนรายเดือนในแต่ละเดือนเป็นบวกตลอดทั้ง 12 เดือน ผลตอบแทนที่โดดเด่นและสม่ำเสมอนี้เป็นผลมาจากมุมมองการจัดสรรน้ำหนักการลงทุน Tactical Asset Allocation ที่เหมาะสมกับสภาวะตลาด รวมถึงการคัดสรรผลิตภัณฑ์การลงทุนรูปแบบใหม่ที่ให้ผลตอบแทนได้อย่างโดดเด่น

ในส่วนมุมมองการลงทุนผลตอบแทนของพอร์ตได้อานิสงส์หลักมาจากมุมมองเชิงบวกและเน้นจัดสรรสินทรัพย์น้ำหนักการลงทุนไปยังกลุ่มหุ้นกลุ่มเติบโตในตลาดหุ้นประเทศพัฒนาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐฯและยุโรป ซึ่งถือว่าเป็นตลาดที่ Outperformอย่างมากในปีนี้ อีกทั้งยังเสริมด้วยการลงทุนรูปแบบThematic ใน​อุตสาหกรรมSemiconductor ที่สร้างผลตอบแทนให้พอร์ตได้สูงถึง 16.5% ตลอดช่วงเวลาที่ถือครอง ในฝั่งของหุ้นตลาดเกิดใหม่ เราได้มุ่งเน้นจัดสรรน้ำหนักการลงทุนไปยังตลาดหุ้นเวียดนาม ซึ่งเป็นตลาดหุ้นที่ให้ผลตอบแทนโดดเด่นที่สุดแห่งหนึ่งในโลก โดยกองทุนที่เข้าลงทุนสามารถสร้างผลตอบแทนได้ 27.6% ตลอดช่วงเวลาที่เข้าลงทุน ในส่วนของหุ้นไทยการเลือกลงทุนในกองทุน Private Fund สามารถสร้างผลตอบแทนได้สูงถึง 20.5% ซึ่งสูงกว่า SET Index TR ที่ให้ผลตอบแทน 12.8% ในปีนี้ นอกจากนั้น Private Asset  สินทรัพย์รูปแบบใหม่ที่ปีนี้เราได้เสริมเข้ามาในพอร์ต ซึ่งสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการลงทุนและลดความผันผวนแก่พอร์ตโดยรวมได้เป็นอย่างดี โดยมีกองทุน Private Equity สร้างผลตอบแทนได้ 16.5% และกองทุน Private Debt สร้างผลตอบแทนได้ 7.0%  (ข้อมูล ณ สิ้นเดือน ตุลาคม )  โดยทั้งสองกองทุนมีผลการดำเนินงานที่สม่ำเสมอแม้ในช่วงที่ภาพรวมตลาดการลงทุนปรับตัวลดลง ซึ่งมีส่วนสำคัญที่ทำให้พอร์ตการลงทุน Moderate Asset Allocation สามารถสร้างผลตอบแทนรายเดือนเป็นบวกได้ทุกเดือนในปี 2021

นอกจากนี้ในช่วงที่ตลาดเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ เช่นตลาดหุ้นไทย เราได้แนะนำให้ลูกค้าลงทุนใน Structure Note KIKO (ตราสารอนุพันธ์ที่อ้างอิงกับราคาหุ้นในตลาดหลักทรัพย์) ที่สามารถสร้างผลตอบแทนเป็นที่น่าพอใจกว่า 8-10% ต่อปี ซึ่งเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์การลงทุนที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีด้วยเช่นกัน

ในส่วนของมุมมองแนวโน้มเศรษฐกิจและการลงทุนในปี 2022 ดร.กำพล อดิเรกสมบัติ ผู้อำนวยการอาวุโส SCB CIO เปิดเผยว่า  SCB  CIO  ได้ประเมิน  4 ประเด็นหลัก ประกอบด้วย 

1) COVID-19 จะยังอยู่กับเราไปอีกนาน โดยผลกระทบแม้จะมีแนวโน้มลดลงแต่ยังไม่หายไป ซึ่งจะทำให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจแต่ละประเทศเริ่มมีความแตกต่างน้อยลง  โดยเศรษฐกิจประเทศพัฒนาแล้วหลังจากฟื้นตัวในปี 2021 จะเริ่มชะลอลงในปี 2022 ในขณะที่เศรษฐกิจประเทศกำลังพัฒนาเริ่มกลับมาฟื้นตัว แต่ทั้งนี้ การฟื้นตัวของภาคธุรกิจยังมีความแตกต่างกันค่อนข้างมาก โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจที่ยังได้รับผลกระทบจากมาตรการข้อจำกัดต่างๆ  เช่น การเดินทางระหว่างประเทศ

2) นโยบายการเงินการคลังเริ่มตึงตัวขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยธนาคารกลางสหรัฐฯ น่าจะขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 3 ครั้งในปี 2022 โดยทยอยขึ้นตั้งแต่ช่วงกลางปี แต่จะมีการสื่อสารให้ตลาดรับทราบอย่างต่อเนื่อง ซึ่งน่าจะทำให้ความผันผวนในตลาดการเงินโลกแม้จะเกิดขึ้นในช่วงสั้นแต่น่าจะอยู่ในระดับที่จัดการได้ ในขณะที่ธนาคารแห่งประเทศไทยน่าจะคงดอกเบี้ยนโยบายไว้ในระดับ 0.5% ต่อไปอีก 1 ปี เพื่อประคับประคองการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ส่วนนโยบายการคลังในประเทศพัฒนาแล้วจะเริ่มเห็นการออกนโยบายเพิ่มรายได้ภาครัฐมากขึ้น  เช่น การขึ้นภาษี  แต่อาจจะไม่มากพอที่จะชดเชยการขาดดุลขนาดใหญ่ในช่วงก่อนหน้านี้ ทำให้หนี้สาธารณะยังอยู่ในระดับสูง

3) ต้นทุนทางการเงินเริ่มสูงขึ้นและค่าเงินบาทแม้ว่าจะมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นในครึ่งหลังของปีแต่มาพร้อมความผันผวน อัตราผลตอบแทนพันธบัตรโดยเฉพาะในประเทศพัฒนาแล้วมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นแต่น่าจะเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป ตามการขยับขึ้นของอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ในขณะที่ค่าเงินบาทต่อดอลลาร์สหรัฐมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 2022 ตามการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวต่างประเทศและดุลบัญชีเดินสะพัด โดย  SCB CIO คาดว่าค่าเงินบาทต่อดอลลาร์สหรัฐจะอยู่ในช่วง 32-33 ในปลายปี 2022 แต่จากการปรับนโยบายการเงินในประเทศต่างๆ และความไม่แน่นอนของการกลายพันธุ์ COVID-19 ค่าเงินบาทจะมีความผันผวนสูงของ ดังนั้นการบริหารความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน (FX hedging strategy) จึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับนักลงทุนในสินทรัพย์ต่างประเทศ    

4) SCB CIO ยังคงแนะนำเน้นการลงทุนในหุ้นมากกว่าพันธบัตร โดยเน้นไปที่กลุ่มประเทศและธุรกิจที่มีภูมิคุ้มกันสูงและเติบโตได้ดีในสภาวะที่ผลกระทบของ COVID-19 ยังไม่หายไป และการขยับขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป เช่น หุ้นสหรัฐฯ และยุโรป โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่ม quality growth ตลาดหุ้นเวียดนามยังเป็น top pickในตลาดหุ้น ASEAN แม้ valuation เริ่มมีการขยับขึ้นก็ตาม  แต่ในระยะข้างหน้าเราเชื่อว่าเศรษฐกิจและกำไรบริษัทจดจะเบียนจะมีการฟื้นตัวได้ต่อเนื่องจากภาคส่งออก SCB CIO คงมุมมองตลาดหุ้นไทยเป็น neutral จาก valuation ที่ตึงตัวกว่าตลาดหุ้นเวียดนาม การฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการกลับมาของนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่น่าจะเกิดขึ้นอย่างชัดเจนในช่วงครึ่งหลังของปี 2022    เพื่อป้องกันความเสี่ยงของเงินเฟ้อสูงยืดเยื้อกว่าคาด SCB CIO ยังแนะนำว่าในพอร์ตการลงทุนควรพิจารณา น้ำมัน หุ้นกลุ่ม financial และ consumer ส่วนทองคำน่าจะได้รับผลกระทบจากการปรับนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ

นายศรชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า จากแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในแต่ละประเทศที่มีความแตกต่างกันน้อยลง จะทำให้มีการลงทุนใน Thematic investment funds ในอุตสาหกรรมและบริษัทที่มีพื้นฐานแข็งแกร่งและธุรกิจเฉพาะทางมากขึ้น รวมทั้งธุรกิจที่สามารถเกาะกระแสการเติบโตของเมกะเทรนด์ในอนาคตได้ จะมีบทบาทและความน่าสนใจมากขึ้นในการจัด Global asset allocation portfolio 

โดยในปี 2022 SCB CIO แนะลงทุนใน 2 ธีมการลงทุนหลัก ได้แก่ 1) Super Investment Theme ซึ่งจับกระแสการลงทุนหุ้นโลกกลุ่ม Renewable Energy & Decarbonization และ Disruptive Technology ที่เติบโตดีต่อเนื่อง และ2) Futuristic Investment Theme ซึ่งจับกระแสการลงทุนหุ้นโลกกลุ่มอุตสาหกรรมแห่งอนาคตที่มีศักยภาพการเติบโตสูง 

สำหรับ Super Investment Theme   เป็นธีมการลงทุนอุตสาหกรรมระยะยาวที่เติบโตต่อเนื่อง มี 3 ธีมย่อยสำหรับการลงทุนที่มีความน่าสนใจ ได้แก่ 1) กลุ่ม Renewable Energy & Decarbonization เช่น ธุรกิจพลังงานหมุนเวียน รถยนต์ไฟฟ้า และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการจัดการพลังงานและการลดการปล่อยคาร์บอน และ 2) Healthcare and Healthtech โดยเฉพาะกลุ่ม Medical Technology เช่น อุปกรณ์เครื่องมือการแพทย์ จากค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพและการรักษาพยาบาลที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่องทั่วโลก และ 3) Fintech เทคโนโลยีทางการเงินที่เกาะกระแสการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลและเทคโนโลยีบล็อกเชนที่เปิดโอกาสการลงทุนในบริษัทที่มีความหลากหลายในการให้บริการทางการเงิน 

 ส่วน Futuristic Investment Theme ธีมการลงทุนอุตสาหกรรมแห่งอนาคตที่มีศักยภาพเติบโตสูง มี  3 ธีมย่อยที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ได้แก่ 1) Aerospace & Space Exploration จากแนวโน้มการเติบโตของธุรกิจด้านอวกาศและการบิน การท่องเที่ยวอวกาศ รวมถึงเทคโนโลยีจรวด โดรน ดาวเทียม การวัดและพยากรณ์สภาพภูมิอากาศ และระบบโทรคมนาคมขั้นสูง และ 2) Metaverse การลงทุนในวิวัฒนาการขั้นต่อไปของอินเทอร์เน็ตในเทคโนโลยีโลกเสมือนจริง ซึ่งสามารถสร้างโอกาสการเติบโตที่หลากหลายไม่จำกัดเฉพาะธุรกิจโซเชียลมีเดีย แต่รวมถึงโอกาสในธุรกิจที่เกี่ยวกับวิดีโอเกมและสันทนาการ อีคอมเมิร์ซ อุตสาหกรรมการผลิต 

                                                                        SCB CIO unveils 2022 investment strategy to overcome impacts of waning yet persisting COVID-19 and recommends stocks of resilient countries and companies and futuristic investment themes

    SCB CIO recommended its Moderate Asset Allocation portfolio with YTD return of 14.7% and no negative monthly return and assessed economic and investment trends in 2022. SCB CIO expects waning yet persisting impacts from COVID-19 and tightening fiscal and monetary policies against a backdrop of slowing developed economies and recovering emerging economies.  Amid such mixed sentiments, investment in highly immune countries and businesses such as US and European stocks is recommended, especially in quality growth stocks, with Vietnam’s stock market being ASEAN’s top pick.  To better capture resilient industries and new trends bringing transformation, SCB CIO also suggests Super Investment Themes for long-term investment in industries with continuing growth and Futuristic Investment Themes for futuristic industries demonstrating high growth potential.  The Super Investment Theme features Renewable energy & decarbonization , healthcare & health tech, and fintech stocks, while the Futuristic Investment Theme features aerospace and space exploration groups and metaverse groups. 

Sornchai Suneta, Executive Vice President of SCB Chief Investment Office at Siam Commercial Bank, mentioned that the SCB CIO’s Moderate Asset Allocation portfolio performance YTD recorded at 14.7% (as of December 13th, 2021) with no monthly negative return. The outstanding and consistent return is driven from timely and high conviction asset allocation strategy and product recommendations from a group of experts in the office. In 2021, our positive views on developed markets and thematic industries, including the US and European and Semiconductor sector (16.5% YTD return), have paid off and outperformed other asset classes. For emerging markets (EMs), Vietnam equity markets, our EM top pick, has also outperformed its peers with YTD return of 27.6%. For Thai equity markets, SCB CIO’s selected private fund delivered 20.5% YTD return, compared with 12.8% from SET index’s total return. Moreover, the introduction of private asset to our portfolio have not only enhanced our returns to achieve our goal on no negative monthly return, but also reduce portfolio’s volatility. According to our latest information available (October 2021), our selected private equity and private debt funds delivered YTD return of 16.5% and 7.0%, respectively. 

In addition, over markets’ sideway periods, especially for Thai equity markets, in 2021 we have recommended our clients to invest in structure note products, KIKO (derivative instruments with stocks as underlying assets), which delivered a decent return of 8-10% per annum.        

Dr. Kampon Adireksombat, First Senior Vice President of SCB CIO, revealed that SCB CIO has assessed four key economic and investment trends in 2022 and anticipates that: 

1) The impacts of  COVID-19 pandemic is waning yet persisting.  Despite pandemic impacts tending to subside, they will not completely disappear.  These effects will likely result in a lesser degree of uneven economic recovery, compared with those in 2019-20.  Following some recovery in 2021, developed economies will begin to slow down in 2022, while emerging economies will begin to recover.  However, it is expected that recovery for each business sector will vary, especially those affected by restrictions such as international travel.

2) Slowly tightening monetary and fiscal policies.  It is likely that the US Federal Reserve will raise the policy interest rate three times in 2022, starting mid-year, with on-going communications to the market to keep volatility in global financial markets, although short-lived, in check. However, central banks in developing countries, especially those vulnerable to inflation and currency depreciation, such as Brazil and Turkey, may need to raise interest rates quickly.  Meanwhile, the Bank of Thailand is likely to maintain its policy interest rate at 0.5% for another year to support economic recovery. Fiscal policy in developed economies will begin to see more government revenue-boosting policies, such as tax hikes, but may not be enough to offset the earlier large deficit, causing public debt to remain high. 

3) Financial costs starting to rise with the value of the baht becoming stronger, yet more volatile, in 2H22. Bond yields, particularly of developed economies, will tend to increase, yet slowly, in line with policy interest rate hikes.  Meanwhile, the baht value against the US dollar is likely to appreciate in the second half of 2022, following a rebound in foreign tourists and the current account balance. SCB CIO expects the baht exchange rate will remain in the 32-33 baht per US dollar range by the end of 2022.  Nonetheless, with adjustments of monetary policy in various countries and uncertainties concerning COVID-19 mutations, the exchange rate is expected to fluctuate highly. Therefore, an FX hedging strategy would be essential for those investing in foreign assets.

4) SCB CIO recommends stocks rather than bonds. Investors are advised to focus on highly immune countries and businesses growing well in distressed situations where the impacts of COVID-19 remain and bond yields slowly rise, such as US and European stocks, especially those with quality growth prospects.  The Vietnamese stock market continues to be the top pick for ASEAN, despite valuations starting to pick up.  Going forward, it is believed that the Vietnam economy and profits of Vietnamese listed companies will likely continue to recover from the recovering export sector. SCB CIO maintains a neutral view on the Thai stock market due to its  richer valuation, compared with those of Vietnamese stock market. Thailand economic recovery and the return of foreign tourists are likely to occur in 2H22.  To hedge against the risk of longer-than-expected high inflation, investors should consider investing in oil, financial and consumer sectors, while gold is likely to be adversely affected by the Fed’s monetary policy adjustments.

SCB CIO Executive Vice President Sornchai Suneta noted that with the economic recovery trend in each country starting to keep pace, thematic investment funds in industries and companies with strong fundamentals and specialized businesses, including businesses that can follow the growth of future megatrends, will play a greater role and interest in global asset allocation portfolios.

In 2022, SCB CIO recommends two major investment themes: 1) A Super Investment Theme, which captures the trend of global investment in Renewable energy & decarbonization and disruptive technology and 2) A Futuristic Investment Theme that captures global investment trends of future industries with high growth potential. 

The Super Investment Theme features a long-term investment theme in industries that continue to grow, with three interesting sub-themes, including 1) Renewable energy & decarbonization, such as renewable energy, electric vehicles, and businesses related to energy management and carbon reduction in line with future investment trends supporting the transition of energy focusing on using environmentally friendly energy; 2) Healthcare and Health Tech, especially in the medical technology sector, such as medical devices, following the trend of healthcare and wellness expenditures that continue to increase globally; and 3) Fintech that embraces digital transformation and blockchain technology  to offer investment opportunities in companies offering diverse financial services. 

The Futuristic Investment Theme highlights investment in future industries demonstrating high growth potential, comprising three sub-themes, namely 1) Aerospace & Space Exploration focusing on the growing trend of aerospace and aviation businesses, space tourism, rocket technology, drones, satellites, climate measurement and forecast, and advanced telecommunication and 2) Metaverse featuring investment in the Internet’s next evolution in augmented reality technology, which will bring a variety of growth opportunities, not only  limited to social media, but also include business opportunities, related to video games and leisure, e-commerce, manufacturing.