สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ(วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เป็นเจ้าภาพจัดประชุม Side Event ในหัวข้อเรื่อง “AI for Disaster Preparedness and Response” ในวันที่ 4 ตุลาคม 2568 ระหว่างการประชุม STS forum 2025 – The 22nd Annual Meeting ณ Kyoto International Conference Center เมืองเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น

การประชุมดังกล่าวได้รับเกียรติจากศาสตราจารย์ ดร. ศุภชัย ปทุมนากุล ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีเปิดและกล่าวปาฐกถาพิเศษ โดยกล่าวว่า เหตุการณ์ภัยพิบัติรุนแรงที่เกิดขึ้นทั่วโลกในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาสะท้อนว่าโลกของเรากำลังเผชิญภัยธรรมชาติที่รุนแรงและซับซ้อนมากขึ้น ในส่วนของประเทศไทยเองต้องเผชิญกับน้ำท่วมและแผ่นดินไหว ซึ่งท่ามกลางวิกฤตเหล่านี้ AI คือเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้มนุษย์สามารถรับมือกับวิกฤติเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ กำลังคนรุ่นใหม่ถือว่าเป็นพลังสำคัญของอนาคต กระทรวง อว. จึงให้ความสำคัญกับการพัฒนาเยาวชนและกำลังคนรุ่นใหม่ รวมทั้งผลักดันการแสดงบทบาทในเวทีระดับนานาชาติอย่างต่อเนื่อง

ดร. วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ กล่าวต้อนรับผู้เข้าร่วมประชุม โดยกล่าวว่า วช. ในฐานะหน่วยงานให้ทุนวิจัยและนวัตกรรมหลักของประเทศ ได้ส่งเสริมการวิจัยและนวัตกรรมที่มีการนำ AI มาประยุกต์ใช้ในการคาดการณ์และเตือนภัยล่วงหน้า รวมถึงการประเมินความเสียหาย และการตอบสนองต่อสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยมีการเชื่อมโยงความร่วมมือกับสถาบันการศึกษา หน่วยงานวิจัย ภาครัฐ และพันธมิตรระหว่างประเทศ เพื่อให้เทคโนโลยีเข้าถึงประชาชนอย่างแท้จริง พร้อมทั้งให้ความสำคัญกับการลงทุนในนักวิทยาศาสตร์รุ่นใหม่ เพื่อสร้างรากฐานแห่งอนาคตที่มั่นคงและยั่งยืน
Prof. Hiroshi Komiyama, Chairman of STS forum กล่าวถึงความร่วมมือระหว่างประเทศไทยและ STS forum โดยเฉพาะการประชุม STS Forum ASEAN–Japan Conference ครั้งที่ 8 ที่จัดขึ้น ณ กรุงเทพฯ เมื่อเดือนมิถุนายน 2567 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นเวทีสำคัญในการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับผู้กำหนดนโยบาย นักวิจัย และผู้นำอุตสาหกรรมเกี่ยวกับยุทธศาสตร์การใช้ประโยชน์จาก AI และเทคโนโลยีสีเขียว (Green Technologies)
ขณะที่ Dr. Kaoru Takara, President of the National Research Institute for Earth Science and Disaster Resilience (NIED) ประเทศญี่ปุ่น ได้กล่าวว่าการวิจัยเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างองค์ความรู้ ต้องควบคู่กับการพัฒนาคือการสร้างคุณค่า ทั้งสองสิ่งนี้ต้องทำงานร่วมกันเพื่อให้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเกิดประโยชน์ต่อสังคม โดยหลังเหตุการณ์แผ่นดินไหวโกเบและโทโฮคุ ญี่ปุ่นได้พัฒนาเครือข่ายตรวจวัดแผ่นดินไหวและสึนามิทั่วประเทศ (MOWLAS) และระบบข้อมูลแบบบูรณาการ Shared Information Platform for Disaster Management: SIP4D เพื่อให้สามารถคาดการณ์และเตือนภัยได้รวดเร็วขึ้น พร้อมทั้งมีศูนย์ทดลองขนาดใหญ่ เช่น E-Defense และเครื่องจำลองสภาพอากาศ เพื่อวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีรับมือภัยพิบัติ Dr. Kaoru Takara เน้นย้ำว่า AI มีศักยภาพในการพัฒนาการพยากรณ์ การเตือนภัย และการตอบสนองต่อภัยพิบัติ แต่สิ่งสำคัญคือการผสาน “ความรู้ชัดแจ้ง” (Explicit Knowledge) ที่ AI ใช้งานได้ กับ “ความรู้โดยนัย” (Tacit Knowledge) จากประสบการณ์ของผู้เชี่ยวชาญ เพื่อยกระดับการบริหารจัดการภัยพิบัติ และสร้างสังคมที่ปลอดภัยยิ่งขึ้น
พร้อมนี้ วช. ได้จัดการเสวนา 2 หัวข้อสำคัญ ได้แก่ เรื่องที่ 1 “AI and Health Innovations for Disaster Preparedness” ดำเนินรายการโดย นางสาวศิรินทร์พร เดียวตระกูล รองผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ และ รองศาสตราจารย์ ดร. อนรรฆ ขันธะชวนะ ผู้ทรงคุณวุฒิทางวิชาการ โดยมี STS forum Young Leaders จากประเทศไทยร่วมอภิปราย ดังนี้
- รองศาสตราจารย์ ดร. กฤต จารุพานิช คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
- รองศาสตราจารย์ ดร. ธีรวิทย์ วิไลประสิทธิ์พร สำนักวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สถาบันวิทยสิริเมธี
- ดร. สิทธิประภา อิศรางกูร ณ อยุธยา คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
ซึ่งจากการเสวนามีข้อสรุปชี้ว่า AI สามารถยกระดับระบบสุขภาพให้มีความยืดหยุ่นต่อภัยพิบัติ ผ่านการใช้เทคโนโลยีต่าง ๆ เช่น telemedicine และ home isolation ช่วงโควิด-19 ที่ช่วยให้แพทย์ติดตามคนไข้ระยะไกล การวิเคราะห์สัญญาณชีวภาพเพื่อวินิจฉัยโรค รวมถึงเครื่องมือสื่อสารสำหรับผู้บกพร่องทางการได้ยิน เพื่อให้การสื่อสารในภาวะฉุกเฉินครอบคลุมทุกกลุ่มประชาชน
ประเด็นที่ 2 เรื่อง “Innovative Science and Technology for Disaster Resilience” ดำเนินรายการโดย รองศาสตราจารย์ ดร. ดุสิต อธินุวัฒน์ ผู้ทรงคุณวุฒิทางวิชาการ และนางสาวขวัญศิริ ชนยุทธ ผู้อำนวยการกลุ่มวิเทศสัมพันธ์ วช. โดยมี STS forum Young Leaders จากประเทศไทยร่วมอภิปราย ดังนี้
- ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. สิทธิวุฒิ เจริญสุทธิวรากุล คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
- ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. วิริยา ทองสมบูรณ์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม
- ดร. สุนทร ตันติถาวรวัฒน์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
การเสวนาได้สะท้อนบทบาทของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีต่อสังคม เช่น การพัฒนาไบโอเซนเซอร์ตรวจสุขภาพสัตว์เลี้ยงเพื่อป้องกันการระบาดในฟาร์ม การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีทางเคมีและชีวภาพเพื่อตรวจจับเชื้อและสารเคมีรั่วไหล รวมถึงการพัฒนา Organ-on-Chip สำหรับทดสอบยาซึ่งสามารถประยุกต์ใช้ร่วมกับ AI และ Machine Learning เพื่อคาดการณ์ความเสี่ยงล่วงหน้าได้อย่างแม่นยำ
การจัดงานครั้งนี้มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมให้นักวิจัยรุ่นใหม่ของไทยได้แสดงศักยภาพในเวทีนานาชาติ เสริมสร้างเครือข่ายความร่วมมือกับนักวิจัยทั่วโลก และยกระดับขีดความสามารถด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมของประเทศ เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับโลกยุคใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วย AI
สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ยังคงมุ่งมั่นที่จะใช้วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เป็นพลังสำคัญในการสร้างสังคมที่ปลอดภัย ยั่งยืน และมีภูมิคุ้มกันต่อภัยพิบัติในอนาคต