โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ ผนึก โนโว นอร์ดิสค์ ยกระดับการดูแลโรคอ้วน-โรคเบาหวาน มุ่งสู่การเข้าถึงและการดูแลรักษาที่ครอบคลุมแบบองค์รวม

0
74

โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ ร่วมกับ บริษัท โนโว นอร์ดิสค์ ฟาร์มา (ประเทศไทย) จำกัด (“โนโว นอร์ดิสค์”) ประกาศความร่วมมือครั้งสำคัญในโครงการ “ก้าวเข้าสู่ทศวรรษที่ 4 โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ฯ: พิชิตอ้วน พิชิตเบาหวาน” โดยมีเป้าหมายเพื่อยกระดับการดูแลโรคอ้วนและเบาหวานให้ครอบคลุมทุกมิติของผู้ป่วย และขยายการเข้าถึงการรักษาที่มีคุณภาพให้ครอบคลุมผู้คนในวงกว้างมากยิ่งขึ้น

โรคอ้วนและเบาหวานเป็นความท้าทายด้านสาธารณสุขที่กำลังส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อสังคมไทย โดยมีประชากรกว่าร้อยละ 40 ที่มีภาวะน้ำหนักเกินหรืออ้วน และอย่างน้อย 6.4 ล้านคนที่ป่วยเป็นโรคเบาหวาน ปัญหาดังกล่าวไม่เพียงสร้างภาระด้านสุขภาพ แต่ยังส่งผลต่อเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตของประชาชนทั่วประเทศ ทั้งนี้ การแก้ไขปัญหาโรคอ้วนและโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ควรใช้แนวทางการป้องกันอย่างครอบคลุม ทั้งการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม การสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อสุขภาวะที่ดี และที่สำคัญคือ การนำนวัตกรรมทางการแพทย์ที่ทันสมัยมาใช้ในการดูแลรักษา

ปัจจุบัน นวัตกรรมการดูแลโรคอ้วนก้าวข้ามการลดน้ำหนักแบบเดิม ๆ และมุ่งเน้น ‘สุขภาพองค์รวม’ ซึ่งไม่ได้มองแค่เรื่องการลดน้ำหนักเพียงอย่างเดียว แต่ให้ความสำคัญกับสุขภาพโดยรวม ซึ่งจะคำนึงถึงโรคอื่น ๆ ทั้งในด้านของการลดความเสี่ยงของโรคที่สัมพันธ์กัน รวมถึงปรับปรุงผลลัพธ์ของโรคหัวใจและหลอดเลือด โรคไต โรคตับ ภาวะไขมันพอกตับ และบรรเทาภาวะหยุดหายใจขณะหลับ เป็นต้น ซึ่งนวัตกรรมดังกล่าวนี้ ถือเป็นกุญแจสำคัญในการยกระดับคุณภาพชีวิตและสุขภาพที่ดีขึ้นให้กับผู้ป่วยในระยะยาว

ด้วยบทบาทของโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ฯ ในฐานะสถาบันการแพทย์ชั้นนำที่กำลังก้าวเข้าสู่ทศวรรษที่ 4 ความร่วมมือกับโนโว นอร์ดิสค์ครั้งนี้ จึงเป็นการรวมพลังของสององค์กรที่มีวิสัยทัศน์ร่วมกัน เพื่อขับเคลื่อนการดูแลสุขภาพรูปแบบใหม่ที่ไม่เพียงมุ่งรักษาโรค แต่เน้นการดูแลผู้ป่วยอย่างรอบด้าน ทั้งด้านร่างกาย จิตใจ พฤติกรรม และสังคม พร้อมส่งเสริมให้ทุกคนสามารถเข้าถึงบริการสุขภาพที่เหมาะสมกับตนเองได้อย่างแท้จริง

รศ.นพ.ดิลก ภิยโยทัย ผู้อำนวยการโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ กล่าวว่า “โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ฯ กำลังก้าวสู่ทศวรรษใหม่ด้วยเป้าหมายในการสร้างระบบสุขภาพที่เน้นการดูแลแบบองค์รวม ซึ่งไม่ใช่เพียงการรักษาโรค แต่คือการดูแลคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยโดยรอบ เราเชื่อว่าการดูแลสุขภาพที่ดีควรเข้าถึงได้สำหรับทุกคน และความร่วมมือในครั้งนี้จะเป็นรากฐานสำคัญของการเปลี่ยนแปลงนั้น”

นายเอ็นริโก้ คานัล บรูแลนด์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท โนโว นอร์ดิสค์ ฟาร์มา (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวเสริมว่า “การเข้าถึงการรักษาที่มีคุณภาพคือสิ่งที่เรายึดถือเป็นหัวใจในการดำเนินงานทั่วโลก การได้ร่วมมือกับโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ฯ ซึ่งมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในบริบทของระบบสุขภาพไทย ถือเป็นโอกาสอันยอดเยี่ยมในการร่วมกันพัฒนาวิธีการดูแลโรคอ้วนและเบาหวานที่มีประสิทธิภาพ ครอบคลุม และยั่งยืน”

ในเสวนาหัวข้อ “การบูรณาการสำหรับความร่วมมือในการพัฒนาศูนย์ความเป็นเลิศด้านโรคอ้วนและโรคเบาหวาน” ผู้เข้าร่วมได้กล่าวถึงวิสัยทัศน์ที่เน้นการบูรณาการเพื่อรับมือกับปัญหาโรคอ้วนและเบาหวานที่ทวีความรุนแรงขึ้นในสังคมไทย โดยโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติได้เผยถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนาการเข้าถึงการดูแลรักษาและเปิดรับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน พร้อมนำนวัตกรรมมาใช้ดูแลผู้ป่วย ที่สำคัญคือการนำเสนอระบบ TU Bewell Buddy ผ่านแพลตฟอร์ม Line OA ซึ่งผสานเทคโนโลยี AI เข้ามาช่วยดูแลผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด ทั้งการให้คำปรึกษา กระตุ้นการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม และแจ้งเตือนต่างๆ เพื่อลดความรู้สึกโดดเดี่ยวของผู้ป่วย

นอกจากนี้ โนโว นอร์ดิสค์ ได้เน้นย้ำถึงคุณค่าของการผนึกกำลังระหว่างภาครัฐและเอกชน ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญในการยกระดับมาตรฐานการดูแลรักษา แลกเปลี่ยนองค์ความรู้ และสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ ๆ เพื่อเป็นต้นแบบแห่งความร่วมมือที่ยั่งยืนในการป้องกันและดูแลผู้ป่วยโรคอ้วนและเบาหวานอย่างครอบคลุม โดยงานนี้ยังได้มีการแชร์ประสบการณ์จากผู้ป่วยโรคอ้วนโดยตรง และได้รับเกียรติจาก คุณมิว – นิษฐา คูหาเปรมกิจ ดารานักแสดง มาร่วมพูดคุยเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพและการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อสุขภาพที่ดีอย่างยั่งยืนอีกด้วย

ความร่วมมือครั้งนี้ยังมีการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเป็นเครื่องมือสนับสนุน เพื่อเสริมสร้างการสื่อสารระหว่างผู้ป่วยกับทีมดูแลสุขภาพอย่างต่อเนื่อง ช่วยให้ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงข้อมูลที่ถูกต้อง เข้าใจง่าย และมีส่วนร่วมในการจัดการสุขภาพของตนเองได้ดียิ่งขึ้น นับเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาระบบสุขภาพที่ตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนในทุกมิติ

Thammasat University Hospital and Novo Nordisk Thailand announced collaboration to enhance holistic approach to obesity and diabetes care

Thammasat University Hospital, in collaboration with Novo Nordisk Pharma (Thailand) Ltd. (“Novo Nordisk”), announced a collaboration titled “Partnership Project for the Transition into the Fourth Decade of Thammasat University Hospital: Beat Obesity Beat Diabetes” at the Thammasat University Hospital. The public-private partnership aims to enhance holistic patient care and expand equitable access for all.

In Thailand, it is estimated that over 40 percent of Thai individuals are classified as overweight or obese . According to the International Diabetes Federation, there are at least 6.4 million people living with diabetes in Thailand . The two non-communicable diseases (NCDs) pose not only a significant public health challenge but also a growing economic concern, leading to reduced productivity, rising healthcare expenditures, and long-term strain on Thailand’s development.

This partnership represents a powerful alliance between Thammasat University Hospital and Novo Nordisk, both of which share the same vision of a holistic approach, focusing on more than just treating diseases and ensuring that everyone has access to the necessary treatment.

Associate Professor Dr Dilok Piyayotai, Director of Thammasat University Hospital, highlighted that “as Thammasat University Hospital is moving towards its fourth decade, our vision is to provide holistic care. We believe that everyone should have equitable access to care and that this collaboration is a stepping stone towards achieving that vision.”

Mr Enrico Cañal Bruland, General Manager of Novo Nordisk, expressed his views on the project, stating, “we are excited to collaborate with a prestigious medical institution with a deep understanding of the Thai healthcare system, like Thammasat University Hospital. This partnership allows us to co-develop an effective and sustainable solution for treating obesity and diabetes.”

At the heart of this collaboration lies a digital technology designed to promote two-way communication between patients and healthcare providers. Individuals living with obesity and diabetes can access reliable and easily understandable information, empowering them to take ownership of their health management.