แชมป์นักเต้น TO BE NUMBER ONE TEEN DANCERCISE ปี 2024 กรุงเทพมหานครและปริมณฑล สู่…เวทีการแข่งขัน ระดับแประเทศ

0
227


เมื่อวันอาทิตย์ที่ 17 ธันวาคม 2566ที่ผ่านมา ณ ลานหน้า MCC HALL ชั้น 4 ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์ ไลฟ์สโตร์ งามวงศ์วาน จังหวัดนนทบุรีในเวทีการแข่งขัน TO BE NUMBER ONE TEEN DANCERCISE THAILAND CHAMPIONSHIP 2024 รอบชิงชนะเลิศกรุงเทพมหานครและปริมณฑล

นายแพทย์สุนทร สุนทรชาติ ผู้อำนวยการสำนักอนามัยกล่าวว่ากรุงเทพมหานครยินดีต้อนรับสมาชิก TO BE NUMBER ONE ผู้มีความสามารถและมีใจรักการเต้น และมุ่งมั่นสู่ความเป็นหนึ่งโดยไม่พึ่งยาเสพติดสู่การแข่งขัน TO BE NUMBER ONE TEEN DANCERCISE THAILAND CHAMPIONSHIP 2024 รอบชิงชนะเลิศกรุงเทพมหานครและปริมณฑล
กิจกรรมในครั้งนี้ เป็นการเปิดเวทีให้สมาชิกเยาวชนของกรุงเทพมหานครและปริมณฑลได้มารวมตัวแสดงพลัง ร่วมทำกิจกรรมที่สร้างสรรค์ในสิ่งที่ชื่นชอบเหมือนๆกัน สร้างให้เกิดความมีน้ำใจเป็นนักกีฬามีความมุ่งมั่นไปสู่ความสำเร็จ การแข่งขันในครั้งนี้จะมีทีมที่สมหวังก็ขอแสดงความยินดีด้วย แต่สำหรับทีมที่ผิดหวัง เป็นเรื่องธรรมดาของการแข่งขัน ก็ขอให้มีความพยายามฝึกฝนพัฒนาต่อไป สิ่งที่ทุกคนจะได้รับนั้นคือ ความทรงจำและมิตรภาพที่ดีจากเพื่อนใหม่และเหนือสิ่งอื่นใดคือประสบการณ์ที่พิเศษจากการได้มีโอกาสเข้าร่วมการแข่งขันในครั้งนี้ ขอให้ทุกคนโชคดี

นายแพทย์ศิริศักดิ์ ธิติดิลกรัตน์ รองอธิบดีกรมสุขภาพจิตกล่าวว่ากรมสุขภาพจิตในฐานะเลขานุการโครงการ TO BE NUMBER ONE ได้ดำเนินงานสนองพระดำริของทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดีองค์ประธานโครงการ ที่ทรงมีพระดำริให้พัฒนาเยาวชนโดยผ่านกิจกรรม เพราะทรงเห็นว่ากิจกรรมจะช่วยให้เยาวชนรู้สึกดีกับตนเอง ได้สนุก มีร่างกายแข็งแรง มีสุขภาพจิตดี ไม่ไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ซึ่งเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีไม่เฉพาะคุ้มกันจากยาเสพติดเท่านั้น แต่รวมถึงจากปัญหาสังคมและพฤติกรรมอื่นๆ

TO BE NUMBER ONE TEEN DANCERCISE เป็นหนึ่งในหลายกิจกรรมที่โครงการนำมาใช้ เพื่อให้โอกาสกับเด็กและเยาวชนได้เลือกและเข้ามาร่วมได้อย่างไม่มีเงื่อนไข และจากการจัดการแข่งขัน DANCERCISE มาอย่างต่อเนื่องพบว่ากิจกรรมนี้ประสบความสำเร็จอย่างสูง มีเยาวชนจากทั่วประเทศ สนใจเข้าร่วมเพิ่มมากขึ้นทุกปี เป็นการสร้างพลังและพัฒนาคนรุ่นใหม่ ทำให้เยาวชนเติบโตอย่างมีศักยภาพและความสามารถ ประสบความสำเร็จทั้งด้านการเรียนและทักษะด้านการเต้นที่พวกเขารักและสนใจได้พร้อมๆกัน
ด้านหม่อมหลวงยุพดี ศิริวรรณ เลขาธิการมูลนิธิ TO BE NUMBER ONE และที่ปรึกษาโครงการ TO BE NUMBER ONE กล่าวว่าการแข่งขันTO BE NUMBER ONE TEEN DANCERCISE THAILAND CHAMPIONSHIP 2024 รอบชิงชนะเลิศกรุงเทพมหานครและปริมณฑลมีทีมที่เข้าร่วมแข่งขันจำนวน 59 ทีมและทุกทีมมีความสามารถโดดเด่นทำให้คณะกรรมการต้องทำงานหนัก เพื่อคัดเลือกทีมที่เหมาะสมที่สุดในแต่ละรุ่น เข้าสู่การแข่งขันรอบชิงชนะเลิศระดับประเทศ ผลการแข่งขันมีทีมที่ได้รับคัดเลือกเข้าไปแข่งขันในรอบชิงชนะเลิศระดับประเทศรวม 9 ทีมได้แก่ รุ่น Junior รางวัลที่ 1 ทีม UPPERHAND JUNIOR ทีมอิสระ จาก Upperhand Studio ,รางวัลที่ 2 ทีม Double s Mini ทีมอิสระจากศูนย์นันทนาการคลองกุ่ม สำนักวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว,รางวัลที่ 3 ทีม LUCY JUNIOR ทีมอิสระ จากศูนย์นันทนาการบางกะปิ สำนักวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว รุ่น Pre-Teenage รางวัลที่ 1 Double S Junior ทีมอิสระจากศูนย์นันทนาการคลองกุ่ม สำนักวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว,รางวัลที่ 2 ทีม The Zoo Juniors ทีมอิสระ จาก The Zoo Studio ,รางวัลที่ 3 ทีม LUCY ทีมอิสระจากศูนย์นันทนาการบางกะปิ สำนักวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยวรุ่น Teenage รางวัลที่ 1 1 ทีม UNTITLED ทีมอิสระ,รางวัลที่ 2 ทีม Double Sทีมอิสระ จากศูนย์นันทนาการคลองกุ่ม สำนักวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว,รางวัลที่ 3 ทีม HARMONIZE ทีมอิสระจากมหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต


นายชลธิศ อุดร “ครูนก” ครูสอนเต้นทีม UPPERHAND JUNIOR รางวัลที่1 รุ่น Junior เล่าว่าปีนี้ใช้เวลาฝึกซ้อม 2 เดือนก่อนแข่งขัน เน้นท่าเต้นที่แตกต่างแนวสตรีท ฮิปฮอป สอดแทรกด้วยความน่ารักสดใสของเด็กๆ นอกจากนี้ครูยังเติมแนวคิดของโครงการ TO BE NUMBER ONE สอดแทรกเข้าไปกับสอนทักษะการเต้นให้กับเด็กๆด้วย ทั้งเรื่องการรู้จักให้อภัย และการทำงานเป็นทีม ทุกคนต้องช่วยกัน ไม่ใช่เด่นแค่ใครคนใดคนหนึ่ง ในส่วนของผู้ปกครอง ก็ต้องเรียนรู้ไปพร้อมกับเด็กด้วยเหมือนกัน เช่น การจัดคิวฝึกซ้อมให้กับลูกๆ เพราะต้องซ้อมร่วมกันเป็นทีม บางครั้งอาจต้องยอมเสียสละงานส่วนตัวไปบ้าง หรือการให้ผู้ปกครองมีส่วนช่วยคิด ช่วยจัดหาเครื่องแต่งกายในการโชว์ เรียกได้ว่าเปิดโอกาสให้เด็กและผู้ปกครองเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดโชว์อย่างเต็มที่ ซึ่งได้รับการตอบรับความร่วมมือเป็นอย่างดี
ครู ศิริขวัญ เครือวัลย์ “ครูนุ้ย”ครูสอนเต้นทีม Double S Mini รางวัลที่2 รุ่น Junior ,ทีม Double S Junior รางวัลที่1 รุ่น Pre-Teenage, และ ทีม Double S รางวัลที่ 2 รุ่น Teenage เล่าว่ารู้สึกดีใจและภูมิใจมาก ที่ทีมเต้นของเราได้ผ่านเข้ารอบระดับประเทศทั้ง 3 รุ่น มองว่าการเต้นในโครงการ TO BE NUMBER ONE เป็นการส่งต่อรุ่นต่อรุ่น อย่างเช่นเด็กที่อยู่ในรุ่น Junior ก็จะมองพี่ที่อยู่ในรุ่น Pre-Teenage ขณะที่เด็กรุ่น Pre-Teenage จะมองแบบอย่างจาก รุ่น Teenage ซึ่งทำให้เด็กมีแรงบันดาลใจ อยากจะพัฒนาการเต้นของตนเองให้ขยับขึ้นไปอยู่ในรุ่นที่โตขึ้นเหมือนรุ่นพี่ๆ ซึ่งต้องอาศัยการฝึกฝนอย่างหนัก ช่วยให้เด็กได้ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ หันมาสนใจการเต้น แทนการวิ่งเล่นหรืออยู่กับโซเชียลมีเดีย กิจกรรมเต้นของโครงการ TO BE NUMBER ONE ที่จัดเป็นประจำ ต่อเนื่องทุกปี เป็นสิ่งที่ดีมากทำให้เด็กมีเป้าหมายได้ฝึกฝนและพัฒนาตนเอง เพื่อให้ผ่านการคัดเลือกและสามารถไปแข่งขันในรุ่นโตต่อๆไปได้ ช่วยให้เด็กได้มารวมตัวกัน ได้เรียนรู้การมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี มีสังคมที่ดี

นางสาว กฤษติรส กีรติตระกูล “ฟูจิ” หนึ่งในนักเต้นจากทีม Why So Serious รางวัลชมเชยรุ่น Pre-Teenage เล่าว่าตนเองเข้าแข่งขันเต้นในโครงการ TO BE NUMBER ONE TEEN DANCERCISE มาได้ 2 ปีแล้ว สำหรับปีนี้ใช้ธีมคนป่าในการโชว์ เน้นท่าเต้นที่แข็งแรงผสมผสานประยุกต์ใช้กับท่ากายกรรม ซึ่งตรงกับความสามารถของตนเองที่ควบคุมร่างกายได้ดี การแข่งขันเต้นในเวที TO BE NUMBER ONE มีเวลาโชว์ที่ยาวถึง 4 นาทีทำให้รู้สึกท้าทาย เพราะจะได้ใช้ทั้งท่าทางการเต้นที่แข็งแรง การสื่ออารมณ์ ความรู้สึกที่ชัดเจน ต้องใช้เวลาในการฝึกฝนที่มากขึ้น ต้องอาศัยความเป็นทีมที่มีความพร้อมเพรียง ความสามัคคีกันรู้จักรับฟังกัน จึงจะสามารถไปด้วยกันได้ แม้ปีนี้จะยังไม่ได้รับคัดเลือกเข้าไปแข่งขันในรอบชิงชนะเลิศระดับประเทศ ก็จะไม่ท้อจะกลับไปฝึกฝนพัฒนาแก้ไขในข้อที่ยังเป็นจุดบกพร่อง เตรียมพร้อมสำหรับการแข่งขันในปีหน้าต่อไป

นายธรรัฐ สิทธิเลิศธนนท์ “ครูพีพี” ครูสอนเต้น ทีม Why So Serious จากสถาบัน PP Dance Studio เล่าว่าประโยชน์ที่เห็นได้ชัดจากการเต้นในโครงการ TO BE NUMBER ONE ของเด็กๆก็คือ ความสามัคคี เช่น การเต้นท่ากายกรรมที่ทีมใช้ในการแข่งขัน ถ้าเด็กไม่ได้ไปในทิศทางเดียวกันก็อาจจะเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุได้ เด็กจึงต้องมีการฝึกฝนร่วมกัน และมองว่ายังมีเด็กอีกหลายคนที่ยังขาดความกล้าแสดงออก ต้องขอขอบคุณโครงการ TO BE NUMBER ONE ที่ช่วยให้เด็กๆได้มีโอกาสแสดงความสามารถของตนเอง ให้เด็กได้มีความกล้าที่จะเปิดโลกในเวทีการเต้นและยังให้โอกาสครูสอนเต้นได้โชว์ศักยภาพของตนเองด้วย

นางสาว กชพร หลวงจันทร์ “ขลุ่ย” หนึ่งในนักเต้นจากทีม HARMONIZE รางวัลที่ 3 รุ่นTeenage เล่าว่าแข่งขันเต้นมาปีที่ 6 แล้ว ประโยชน์ที่ได้จากการเต้นสำหรับตนเองที่เห็นได้ชัดคือสุขภาพแข็งแรงขึ้น จากเดิมที่เคยเป็นภูมิแพ้ก็อาการลดน้อยลง ทำให้รู้จักความรับผิดชอบ รู้จักแบ่งเวลาการซ้อมเต้นไม่ให้กระทบกับการเรียน ได้รู้จักเพื่อนใหม่ที่มาจากทีมเต้นอื่นๆ รู้สึกดีใจที่ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในโครงการ TO BE NUMBER ONE เพราะตนเองนั้นเริ่มจากศูนย์ที่ไม่รู้อะไรเลย แต่พอได้เข้ามาแล้วทำให้ได้รับโอกาสหลายอย่างในชีวิตเพิ่มขึ้น มองว่า TO BE NUMBER ONE ให้โอกาสเยาวชนหลายคนในประเทศไทย กิจกรรมต่างๆของ TO BE NUMBER ONE ทั้งการเต้นในเวที DANCERCISE หรือเวทีไอดอล ทำให้เยาวชนได้เรียนรู้การลงมือปฏิบัติจริงนอกเหนือจากการเรียนรู้ผ่านทฤษฎีในหนังสือ และผลจากการได้ร่วมกิจกรรมในโครงการ TO BE NUMBER ONE มาอย่างต่อเนื่องทำให้มีโอกาสได้รับคัดเลือกเป็นนักเรียนพระราชทานของโรงเรียนในระดับมัธยม และยังได้รับทุนการศึกษาจากโครงการ TO BE NUMBER ONE ในระดับมหาวิทยาลัยด้วย

นายปฏิภาพ ดำรงค์กุล “ครูฟลุก” ครูสอนเต้นทีม HARMONIZE เล่าว่าโชว์ในปีนี้ใช้ธีมรามเกียรติ์ เป็นรูปแบบของการพัฒนาสิ่งเก่ามาปรับใช้ให้เกิดสิ่งใหม่ เรานำเพลงจังหวะช้ามาประกอบการเต้นได้หลายสไตล์ เป็นการสร้างสรรค์ผลงานอีกรูปแบบหนึ่ง มองว่าครูในเวทีเต้นของ TO BE NUMBER ONE หลายคนรวมทั้งตนเองเคยผ่านเวทีเต้นของ TO BE NUMBER ONE มาก่อน จึงมีความคิดที่อยากจะต่อยอดสานฝันให้กับเด็กๆ ให้ได้รับประสบการณ์ที่ดี ได้เรียนรู้การแพ้ชนะในการแข่งขัน แต่เราจะไม่กดดันเด็กๆจะให้พวกเขาค่อยๆพัฒนาตนเองไปเรื่อยๆ ปัจจุบันเวทีเต้นของ TO BE NUMBER ONE มีการพัฒนาให้ทันสมัยมากขึ้น อยากให้ทุกคนเปิดใจรับสิ่งใหม่ๆที่เข้ามา ทั้งตัวเด็กและครูสอนเต้น ทุกคนสามารถคิดและสร้างสรรค์ผลงานใหม่ขึ้นมาได้ ซึ่งเวทีเต้นของ TO BE NUMBER ONE ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่จะพัฒนาวงการเต้นให้ออกไปสู่ระดับสากลได้