เปิดครอบครัวใหญ่รวมหัวใจนักเต้นกับ TO BE NUMBER ONE TEEN DANCERCISE CAMP 2024

0
194


เมื่อวันที่ 11 มกราคม 2567 ที่ผ่านมา ณ วังรีรีสอร์ท จังหวัดนครนายก นายแพทย์จุมภฏ พรมสีดา รองอธิบดีกรมสุขภาพจิตกล่าวให้โอวาทและให้กำลังใจผู้เข้าร่วมกิจกรรม TO BE NUMBER ONE TEEN DANCERCISE CAMP 2024 ว่าขอแสดงความยินดีกับสมาชิก TO BE NUMBER ONE TEEN DANCERCISE ทุกคน ก่อนที่จะเข้าแข่งขันชิงชัยประจำปี 2024 ในระดับประเทศ ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี องค์ประธานโครงการ TO BE NUMBER ONE ทรงพระเมตตาให้โอกาสพวกเราได้มาเข้าค่าย TO BE NUMBER ONE TEEN DANCERCISE CAMP 2024 เพื่อเติมเต็มความฝัน ได้พัฒนาทักษะการเต้นที่ทุกคนชื่นชอบ ด้วยวิทยากรที่มีชื่อเสียง


โครงการ TO BE NUMBER ONE เป็นโครงการที่ดำเนินงานด้านการรณรงค์ป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด หลายคนอาจเกิดคำถามในใจว่า DANCERCISE เกี่ยวข้องกับการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างไร ก็ขอทำความเข้าใจกับพวกเราว่ากระบวนการและแนวคิดของโครงการ TO BE NUMBER ONE คือการเสริมสร้างภูมิต้านทานทางจิตใจเพื่อห่างไกลยาเสพติด ซึ่งภูมิต้านทานทางจิตใจจะเกิดขึ้นได้ก็จากการทำสิ่งที่ดีงาม โครงการจึงแปลงสิ่งที่ดีงามซึ่งเป็นนามธรรมให้เป็นรูปธรรมคือ กิจกรรมสร้างสรรค์ต่างๆซึ่ง DANCERCISE คือคำตอบของกิจกรรมสร้างสรรค์หนึ่งในโครงการ เพื่อเปิดโอกาสให้พวกเราซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของโครงการ เป็นวัยที่มีความแข็งแรง มีความกระตือรือร้นมีพลัง ได้มีเวทีแสดงพลังความสามารถให้เป็นที่ประจักษ์กับสังคม ทำให้เกิดความภาคภูมิใจในตนเอง เกิดทักษะที่สามารถเป็นเกราะป้องกันยาเสพติด เช่น การควบคุมตนเอง การทำงานเป็นทีม การจัดการกับปัญหาในแนวทางที่ถูกต้องเหมาะสมและกิจกรรม Workshop ซึ่งเป็นกิจกรรมหลักในการเข้าค่ายครั้งนี้ กรมสุขภาพจิตในฐานะเลขานุการโครงการ TO BE NUMBER ONE ก็แฝงการพัฒนาทักษะที่จำเป็นเพื่อช่วยเติมเต็มศักยภาพของพวกเราตามแนวทางที่กล่าวนี้ หวังว่าทุกคนจะตั้งใจฝึกฝน รับเอาประโยชน์และประสบการณ์ดีๆ พร้อมกับความสนุกกันอย่างเต็มที่ ขอให้ทุกคนโชคดี


นายภากร วานิชย์หานนท์“ครูมาร์ค”หนึ่งในวิทยากรประจำค่ายกิจกรรม TO BE NUMBER ONE TEEN DANCERCISE CAMP 2024 กล่าวว่าปัจจุบันเด็กไทยเก่งมาก ตนเองมองว่าการเต้นมีส่วนอย่างมากที่ช่วยให้เด็กมีพัฒนาการด้าน Skill ส่วนหนึ่งมาจากแหล่งเรียนรู้ที่มีเพิ่มมากขึ้นทั้งสื่อโซเชียลมีเดียต่างๆ เด็กมีความเข้าใจในเรื่องร่างกายมากขึ้น มีสไตล์การเต้นที่ชัดเจนขึ้น เด็กจะมีความมุ่งมั่นตั้งใจในในสิ่งที่ทำมากขึ้น ถือเป็นสิ่งที่ดีเมื่อเด็กตั้งใจและมีความสนุกในสิ่งที่ทำก็จะทำสิ่งนั้นได้ดี การเต้นจึงถือเป็นแรงกระตุ้นอย่างหนึ่งที่ทำให้เด็กอยากที่จะพัฒนาตัวเอง การเต้นในหมู่คนจำนวนมากในโครงการ TO BE NUMBER ONE ทำให้เด็กมีความกล้าแสดงออก มองว่าการมาเข้าค่ายกิจกรรม TO BE NUMBER ONE TEEN DANCERCISE CAMP 2024 ในครั้งนี้เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับนักเต้นทุกคน ถือเป็นการเปิดโอกาสให้เด็กหลายๆรุ่นมาทำกิจกรรมร่วมกันได้มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์ซึ่งกันและกัน และยังได้เพิ่มพูนความรู้และทักษะการเต้นในสไตล์ต่างๆจากวิทยากรประจำค่ายด้วย

นาย ยศกร จิณแพทย์ “ครูตี๋”อีกหนึ่งในวิทยากรประจำค่ายกิจกรรม TO BE NUMBER ONE TEEN DANCERCISE CAMP 2024 กล่าวว่าตนเองถือเป็นผลผลิตของTO BE NUMBER ONE เพราะได้เข้าร่วมโครงการและเป็นสมาชิกชมรมTO BE NUMBER ONE ในโรงเรียนมาตั้งแต่เด็กๆ พอเรียนจบก็ไปเป็นนักเต้นอาชีพและพัฒนาจนมาเป็นครูสอนเต้นจนถึงทุกวันนี้ เปรียบเทียบจากเมื่อสมัยก่อนที่การเต้นยังไม่พัฒนามากนักแต่ปัจจุบันเด็กมีโอกาสเปิดกว้างมากขึ้น มีทั้งโรงเรียนสอนเต้น มีทั้งสื่อโซเชียลมีเดียต่างๆให้ได้ศึกษาเรียนรู้ เมื่อก่อนอาจจะเต้นเก่งแค่แนวเดียวถือว่าสุดยอดแล้ว แต่ถ้าเป็นยุคสมัยนี้อาจไม่พออาจต้องเต้นได้หลากหลายแนวมากขึ้น
มองว่าการมาร่วมค่ายTO BE NUMBER ONE TEEN DANCERCISE CAMP 2024 เป็นการเปิดโอกาสให้เด็ก โดยเฉพาะเด็กต่างจังหวัดที่บางครั้งยังติดตามข่าวสารใหม่ๆได้น้อย ได้เข้าร่วมเรียนรู้การเต้นก็จะได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนประสบการณ์ซึ่งกันและกันกับเพื่อนที่รักการเต้นเหมือนกัน และยังได้มีโอกาสฝึกฝนสไตล์การเต้นใหม่ๆที่อาจยังไม่เคยลองมาก่อน กิจกรรมในโครงการ TO BE NUMBER ONE ช่วยสร้างทั้งโอกาสและความมั่นใจให้กับเด็กให้เขาสามารถเลือกเดินในทางที่ถูกได้ เหมือนกับตนเองที่โชคดีที่ได้เข้าร่วมโครงการ TO BE NUMBER ONE มาตั้งแต่เด็กๆและได้พัฒนาตนเองจนได้มาเป็นครูสอนเต้นในทุกวันนี้


นายเทพทัต ทองคุ้ม “ครูฟิล์ม”ครูผู้ฝึกสอนจากทีมPerfect Skill KPRUเล่าว่าตนเองอยู่กับ TO BE NUMBER ONE มา 9 ปีแล้ว เริ่มจากการเป็นสมาชิกในโครงการฯและพัฒนามาเข้าแข่งขันเต้นจนมาเป็นครูสอนเต้นในปัจจุบัน มองว่าปัจจุบันเทรนด์การเต้นมีการพัฒนารูปแบบปรับเปลี่ยนมาทุกปี เด็กๆจะมีการพัฒนาความสามารถมากขึ้น ทุกทีมที่เข้ามาแข่งขันจะมีสไตล์การเต้นที่แปลกใหม่ บางครั้งก็เป็นสไตล์ที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ทำให้เราต้องเรียนรู้ศึกษาตามไปด้วย มองว่าการเต้นในโครงการ TO BE NUMBER ONE ทำให้เด็กมีโอกาสได้ฝึกทำจริง มีส่วนช่วยพัฒนาให้เด็กได้ลองผิดลองถูก ได้เห็นปัญหาจริง ได้ลองแก้ปัญหาจริง รู้จักการทำงานเป็นทีมสามารถช่วยฝึกความอดทน ฝึกการรับฟังความคิดเห็นคนอื่นทั้งในแง่ดีและไม่ดี ซึ่งทำให้เด็กสามารถนำมาปรับใช้ให้เข้ากับตนเองหรือนำไปต่อยอดได้ เด็กบางคนเริ่มต้นอาจจะยังเต้นไม่เป็น แต่พอได้ลองทำแล้วก็รู้สึกชอบและสามารถพัฒนาศักยภาพตนเองจนได้เป็นครูสอนเต้นก็มีหลายคน
การมาร่วมค่ายTO BE NUMBER ONE TEEN DANCERCISE CAMP 2024 ทำให้เด็กๆได้พบกับเพื่อนใหม่ในบ้าน TO BE NUMBER ONE ครอบครัวใหญ่ของเด็กๆทูบีทุกคน


ครูศิราณี ทองภูธร“ครูศิ”ครูผู้ฝึกสอนจากทีม Lucy เล่าว่าเป็นครูสอนเต้นมา 20 ปีแล้ว มองว่าโครงการเต้นของ TO BE NUMBER ONE เป็นกิจกรรมที่ได้รับความสนใจและการยอมรับจากเด็กๆที่มีใจรักการเต้นทุกคน จากการสังเกตจะพบว่าเด็กให้ความสนใจและมีความตั้งใจเรียนมากขึ้นเมื่อรู้ว่าจะได้มาเข้าแข่งขันเต้นในเวที TO BE NUMBER ONE เพราะเด็กๆมีจุดมุ่งหมายที่อยากจะขึ้นเวทีนี้ พวกเขาจะมีความมุ่งมั่นมากขึ้น เด็กจะมีความเชื่อมั่นใจกิจกรรมและเชื่อมั่นในครูผู้ฝึกสอน การเต้นยังช่วยฝึกเด็กในเรื่องระเบียบวินัย การตรงต่อเวลา การเรียนการสอนก็จะง่ายขึ้น เด็กๆจะให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี การเต้นยังช่วยในการพัฒนาเด็กๆทางด้านฝึกจำท่าเต้นต่างๆ ซึ่งตรงนี้จะมีผลต่อการเรียนของเด็กๆด้วย ช่วยในการพัฒนาสมองทางด้านความจำของเด็กๆให้สามารถจดจำตำราเรียนได้แม่นยำมากขึ้น ส่งผลให้การเรียนของเด็กๆดีขึ้นด้วย

สำหรับสไตล์การเต้นแม้ปัจจุบันมีการพัฒนาไปมาก เช่น สไตล์เกาหลี ญี่ปุ่น โดยส่วนตัวแล้วมองว่าไม่จำเป็นต้องเหมือนเขาทั้งหมด เราสามารถนำมาผสมผสานตามความถนัดน่าจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด