ธนาคารกสิกรไทย ตอกย้ำความเป็นผู้นำอันดับ 1 ด้านบริหารความมั่งคั่ง ยกระดับ K WEALTH เป็น “Lifelong Trusted Advisor ที่ปรึกษาด้านการลงทุนที่ลูกค้าไว้ใจในทุกช่วงชีวิต” ศูนย์รวมความเชี่ยวชาญในการบริหารความมั่งคั่ง พร้อมโซลูชันที่ครอบคลุม การเงิน การลงทุน ธุรกิจ และการดูแลคุ้มครองรอบด้าน ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Your Future-Ready Wealth พันธมิตรการลงทุน พร้อมเคียงข้างคุณ สู่อนาคตความมั่งคั่ง” มุ่งเสริมแกร่งให้นักลงทุนไทยรับมือปัจจัยผันผวนของ VUCA ทั้งเศรษฐกิจ ตลาดทุน และภูมิรัฐศาสตร์ โดยผสาน 3 ศักยภาพของ Wealth Team, Wealth Tech และ Wealth Partnerships

ดร. พิพัฒน์พงศ์ โปษยานนท์ ผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า สภาวะตลาดการลงทุนในปัจจุบันถูกขับเคลื่อนด้วยปัจจัย VUCA ที่รุนแรงขึ้น ได้แก่ V: Volatility – ความผันผวนของราคาตลาด U: Uncertainty – ความไม่แน่นอนจากปัจจัยภูมิรัฐศาสตร์ C: Complexity ความซับซ้อนของสินทรัพย์เชื่อมโยง และ A: Ambiguity ความคลุมเครือของกฎเกณฑ์ใหม่ๆ การเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วทั้งด้านเศรษฐกิจ ตลาดทุน และภูมิรัฐศาสตร์นี้เอง ที่ส่งผลต่อเสถียรภาพพอร์ตของนักลงทุนไทย โดยเฉพาะเรื่องความผันผวนที่นำไปสู่การตัดสินใจระยะสั้น อีกทั้งยังมีเทรนด์ลงทุนใหม่ๆ ที่เข้าถึงได้ยาก เช่น Private Market Investment หรือ Sustainable Investing ที่กำลังเป็นกระแสหลัก และเป็นสินทรัพย์ที่นักลงทุนกำลังให้ความสนใจ


ดร. พิพัฒน์พงศ์ กล่าวต่อว่า เพื่อช่วยให้ลูกค้าสามารถสร้างผลประโยชน์สูงสุดตามเป้าหมายชีวิตและการเงินได้อย่างยั่งยืน ธนาคารจึงได้กำหนดยุทธศาสตร์ยกระดับศักยภาพและบทบาทของ K WEALTH สู่การเป็น “Lifelong Trusted Advisor” ด้วยคอนเซปต์ “Your Future-Ready Wealth พันธมิตรการลงทุน พร้อมเคียงข้างคุณ สู่อนาคตความมั่งคั่ง” โดยได้ทรานส์ฟอร์มจากการมุ่งเน้นผลิตภัณฑ์ (Product-Centric) สู่การเป็นที่ปรึกษาด้านการลงทุนและวางแผนการเงิน (Advisory-First) ที่มุ่งสร้างผลตอบแทนระยะยาวให้กับนักลงทุนไทยในทุกช่วงชีวิต

K WEALTH ใช้ 3 กลไกสำคัญขับเคลื่อนบริการบริหารความมั่งคั่งที่มุ่งสร้างเสถียรภาพการลงทุนให้กับนักลงทุนไทยได้แก่
1) Wealth Team ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านกลยุทธ์และบริหารความมั่งคั่ง นำโดยทีมกลยุทธ์ (K WEALTH Chief Investment Officer) ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการกำหนดกลยุทธ์และทิศทางการลงทุน และทำงานร่วมกับทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินการลงทุน (K WEALTH Advisor) ที่ได้รับการรับรองคุณวุฒิวิชาชีพมาตรฐานสากล รวมถึงการบริการจากผู้ดูแลและช่องทางดิจิทัล เพื่อให้คำแนะนำและเสนอโซลูชันที่ตอบโจทย์ลูกค้าแต่ละบุคคล ช่วยสร้างเสถียรภาพการลงทุนในระยะยาว
2) Wealth Tech ทันทุกจังหวะลงทุน ด้วย “KEWIN” (เควิน) AI อัจฉริยะจาก K WEALTH ที่ผสานความเชี่ยวชาญของมนุษย์กับความแม่นยำของเทคโนโลยี (Humanized Tech) ช่วยวิเคราะห์พอร์ตและสถานการณ์จากทั่วโลกแบบเรียลไทม์ ร่วมด้วยความเชี่ยวชาญของทีม K WEALTH CIO โดยลูกค้าจะได้รับการแจ้งเตือนแบบรายบุคคล ทั้งการแจ้งเตือนความเสี่ยงของพอร์ต หรือแนะนำการปรับพอร์ตตามสถานการณ์ตลาดผ่านฟังก์ชัน Smart Alert บน K PLUS และ Hot Issue บน LINE KBank Live ทำให้ลูกค้าบริหารจัดการพอร์ตได้ทันท่วงที ทั้งกองทุนรวม ทองคำ สินทรัพย์อื่น ๆ และความคุ้มครอง สะดวกและปลอดภัยผ่าน K PLUS
3) Wealth Partnerships เปิดโอกาสสู่การลงทุนระดับโลก ด้วยพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ โดยร่วมมือกับ 2 พันธมิตรระดับโลก ซึ่งมีจุดเด่นที่แตกต่างกัน เพื่อมอบโซลูชันการลงทุนที่หลากหลาย มีเสถียรภาพสูง และเข้าถึงการลงทุนที่ต่างประเทศได้ง่ายขึ้น ได้แก่ เจ.พี. มอร์แกน แอสเซท แมเนจเม้นท์ (J.P. Morgan Asset Management) ผู้นำระดับโลกด้านการบริหารการลงทุน ด้วยสินทรัพย์ภายใต้การบริหารมูลค่ากว่า 4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ และความเชี่ยวชาญครอบคลุมหลากหลายประเภทสินทรัพย์ ความร่วมมือครั้งนี้มุ่งเน้นการพัฒนากลยุทธ์และโมเดลการลงทุนร่วมกันสำหรับนักลงทุนชาวไทยโดยเฉพาะ เพื่อให้เข้าถึงได้ทุกกลุ่มลูกค้า และเสริมความแข็งแกร่งของพอร์ตการลงทุนอย่างยั่งยืน และ ลอมบาร์ด โอเดียร์ (Lombard Odier) สถาบันการเงินชั้นนำจากสวิตเซอร์แลนด์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการบริหารความมั่งคั่งและสินทรัพย์ระดับโลกมายาวนานกว่า 229 ปี ครอบคลุมการบริหารความมั่งคั่งเฉพาะบุคคล การวางแผนทรัพย์สินครอบครัว และการลงทุนระดับโลกที่ออกแบบเฉพาะลูกค้าแต่ละราย ร่วมมือกับ K WEALTH เพื่อมอบบริการบริหารความมั่งคั่งระดับโลกแก่ลูกค้าผู้มั่งคั่งในประเทศไทย โดยนำเสนอทางเลือกการลงทุนระดับสากลที่ตอบโจทย์นักลงทุนไทย พร้อมประสบการณ์เฉพาะบุคคลที่ออกแบบอย่างพิถีพิถันสำหรับลูกค้าระดับมั่งคั่งสูง

ดร. พิพัฒน์พงศ์ กล่าวสรุปว่า K WEALTH พร้อมวางรากฐานการลงทุนที่แข็งแกร่งให้ลูกค้า เพราะเราเชื่อว่า หัวใจของความมั่งคั่งที่ยั่งยืนคือการเตรียมพร้อม เพื่อให้การวางแผนการเงินและการลงทุนของลูกค้าสามารถเผชิญความท้าทายที่จะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง และคว้าโอกาสในโลกการลงทุนยุคใหม่ได้





















