ทีเอ็มบีธนชาต รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 2 ปี 2566 ที่ 4,566 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน รวม 6 เดือนแรกของปี มีกำไรสุทธิ 8,861 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 34% จากปีที่แล้ว พร้อมตอกย้ำความแข็งแกร่งทางการเงินในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นคุณภาพสินทรัพย์ที่บริหารจัดการได้ตามแผน NPL อยู่ในระดับต่ำ ขณะที่สภาพคล่องและฐานเงินกองทุนอยู่ในระดับสูงมาโดยตลอด

0
534

ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ ทีเอ็มบีธนชาต (ทีทีบี) แจ้งผลประกอบการไตรมาส 2 และรอบ 6 เดือน ปี 2566 โดยกำไรสุทธิในไตรมาส 2 ปี 2566 อยู่ที่ 4,566 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33% จากไตรมาสเดียวกันของปี 2565 รวม 6 เดือน ปี 2566 มีกำไรสุทธิ 8,861 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 34% จากปีที่แล้ว หนุนโดยปัจจัยหลักทั้งด้านรายได้ การบริหารค่าใช้จ่าย และการตั้งสำรองฯ ที่ลดลงจากสถานการณ์ด้านคุณภาพสินทรัพย์ที่เป็นไปตามเป้าหมาย สามารถลดและควบคุมอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพให้อยู่ในระดับต่ำที่ 2.63% ขณะที่อัตราส่วนสำรองฯ ต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 144%

นายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ทีเอ็มบีธนชาต เปิดเผยว่า ธนาคารยังคงรักษาแนวโน้มการเติบโตด้านรายได้และกำไรในแต่ละไตรมาสได้อย่างต่อเนื่อง สะท้อนถึงความสำเร็จจากการกำหนดกลยุทธ์ที่เหมาะสม และความคล่องตัวในการปรับกลยุทธ์การบริหารพอร์ตทั้งด้านสินทรัพย์และด้านหนี้สิน (Asset-Liability Management) เพื่อรับมือกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นได้เป็นอย่างดี

โดย 2 กลยุทธ์หลักที่ใช้ในการบริหารพอร์ตเพื่อหนุนรายได้ดอกเบี้ย ได้แก่ การรีไซเคิลเงินทุน หรือ การหมุนเวียนนำเอาสภาพคล่องที่ได้รับกลับมาจากการชำระคืนหนี้ไปปล่อยกู้ให้กับสินเชื่อใหม่ที่ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า ภายใต้กรอบความเสี่ยงที่กำหนดไว้ ซึ่งวิธีนี้จะช่วยเพิ่มผลตอบแทนจากการให้สินเชื่อ โดยที่ธนาคารไม่จำเป็นต้องเร่งเติบโตสินเชื่ออย่างรวดเร็วจนอาจนำมาซึ่งปัญหาด้านคุณภาพสินทรัพย์ในภายหลัง ในด้านเงินฝากธนาคารใช้กลยุทธ์การขยายฐานเงินฝากล่วงหน้าก่อนที่จะเข้าสู่วัฏจักรดอกเบี้ยขาขึ้น โดยได้ทยอยเพิ่มเงินฝากประจำมาตั้งแต่ปีที่แล้ว จึงไม่ต้องเร่งขยายเงินฝากมากนักในปีนี้ ช่วยควบคุมต้นทุนเงินฝากได้เป็นอย่างดี

ทั้งนี้ แม้เศรษฐกิจไทยจะยังคงฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่อง แต่ก็เผชิญกับความผันผวนจากปัจจัยทั้งภายในและภายนอกอยู่เป็นระยะ ส่งผลให้ตลาดมีความกังวลเกี่ยวกับคุณภาพลูกหนี้ของระบบธนาคารและสถาบันการเงินไทย สำหรับทีทีบีนั้น ที่ผ่านมาเราเน้นการเติบโตสินเชื่อใหม่อย่างระมัดระวัง ควบคู่ไปกับการแก้ปัญหาสินเชื่อในเชิงรุก นอกจากนั้นธนาคารยังมีแนวทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้แบบค่อยเป็นค่อยไป และยังคงให้ความช่วยเหลือลูกค้าอย่างต่อเนื่องและเหมาะสมกับสถานการณ์ของลูกค้าแต่ละราย ส่งผลให้ลูกค้าสามารถกลับมาชำระคืนหนี้ได้ตามปกติ

จากแนวทางดังกล่าว คุณภาพพอร์ตสินเชื่อทั้งลูกค้าธุรกิจและลูกค้ารายย่อยจึงยังคงอยู่ในเกณฑ์ดี ไม่มีสัญญาณถดถอยหรืออยู่นอกเหนือระดับควบคุม โดยปัจจุบันอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพลดลงมาอยู่ที่ 2.63% จาก 2.98% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในช่วงโควิด-19 ขณะที่อัตราส่วนสำรองฯ ต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 144% จาก 121% บ่งบอกถึงกันชนรองรับความเสี่ยงที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น

สำหรับช่วงครึ่งปีหลัง ธนาคารยังคงเน้นการเติบโตสินเชื่อและการบริหารความเสี่ยงอย่างรอบคอบ และจากการเตรียมการเพื่อรับมือกับภาวะดอกเบี้ยขาขึ้น การบริหารจัดการค่าใช้จ่ายและแรงกดดันด้านการตั้งสำรองฯ ที่ลดลง จึงมองว่าจะสามารถรักษาโมเมนตัมเชิงบวกของผลการดำเนินงานได้ต่อไป ทั้งนี้ ธนาคารจะยังคงเดินหน้าให้ความช่วยเหลือลูกค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งลูกค้ากลุ่มเปราะบาง รวมถึงสนับสนุนแนวทางของธนาคารแห่งประเทศไทยในการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดของทีทีบีที่ต้องการผลักดันให้ลูกค้ามีชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน

สำหรับรายละเอียดผลการดำเนินงานหลักในไตรมาส 2 และ 6 เดือนปี 2566 มีดังนี้

สินเชื่อ ณ สิ้นไตรมาส 2/66 อยู่ที่ 1,364 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 0.4% จากไตรมาสก่อนหน้า โดยสินเชื่อรายย่อยเติบโตได้ที่ 0.5% ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์ที่เป็นเป้าหมาย ไม่ว่าจะเป็นสินเชื่อรถแลกเงิน ttb cash your car สินเชื่อบ้านแลกเงิน ttb cash your home สินเชื่อส่วนบุคคล personal loan และบัตรเครดิต สามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง เป็นไปตามกลยุทธ์การเติบโตสินเชื่อรายย่อยโดยเน้นฐานลูกค้าปัจจุบัน ซึ่งธนาคารรู้จักและเข้าใจความเสี่ยงของลูกค้าเป็นอย่างดี ด้านสินเชื่อลูกค้าธุรกิจเติบโตเช่นกันที่ 0.3% จากไตรมาสก่อนหน้า

ด้านเงินฝากอยู่ที่ 1,395 พันล้านบาท ชะลอลงเล็กน้อยหรือราว 0.5% จากไตรมาสที่แล้ว เป็นไปตามแนวทางการบริหารต้นทุนเงินฝากและสภาพคล่องให้เหมาะสมกับทิศทางสินเชื่อ โดยปัจจุบันธนาคารยังคงมีสภาพคล่องส่วนเกิน สะท้อนได้จากสัดส่วนสินเชื่อต่อเงินฝากอยู่ที่ระดับ 98%
เมื่อเทียบกับไตรมาส 2 และ 6 เดือนปี 2565 ผลการดำเนินงานยังคงเป็นไปตามเป้าหมายและให้ภาพการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ จากกลยุทธ์ด้านสินเชื่อและเงินฝาก รวมทั้งการบริหารสภาพคล่องส่วนเกินและพอร์ตการลงทุนในเชิงรุกเพื่อให้ได้รับประโยชน์จากทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้น ส่งผลให้รายได้ดอกเบี้ยสุทธิปรับตัวเพิ่มขึ้น ขณะที่รายได้ค่าธรรมเนียมก็ค่อย ๆ ฟื้นตัวเช่นกัน หนุนให้รายได้จากการดำเนินงานรวมในไตรมาส 2/66 อยู่ที่ 17,760 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.8% จากไตรมาส 2/65 รวม 6 เดือน รายได้จากการดำเนินงานรวมอยู่ที่ 34,630 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.4%

ด้านค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานในไตรมาส 2/66 อยู่ที่ 7,863 ล้านบาท และรอบ 6 เดือน ปี 2566 อยู่ที่ 15,166 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.3% และ 6.4% ตามลำดับ สอดคล้องกับกิจกรรมทางธุรกิจที่เพิ่มขึ้นและแผนการลงทุนของธนาคาร โดยธนาคารยังคงสามารถบริหารจัดการค่าใช้จ่ายให้สอดคล้องกับด้านรายได้ได้เป็นอย่างดี สะท้อนได้จากอัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้ที่อยู่ที่ 44% เป็นไปตามกรอบเป้าหมาย

จากผลด้านรายได้และประสิทธิภาพด้านต้นทุน หนุนให้กำไรจากการดำเนินงานก่อนหักสำรองฯ (PPOP) อยู่ที่ 9,940 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.6% จากไตรมาส 2/65 และสำหรับรอบ 6 เดือน ปี 2566 อยู่ที่ 19,501 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.0%
ทั้งนี้ ในไตรมาส 2/66 ธนาคารตั้งสำรองฯ เป็นจำนวน 4,244 ล้านบาท ลดลง 3.2% จากปีก่อนหน้า รวม 6 เดือนแรกของปี ตั้งสำรองฯ ไปทั้งสิ้น 8,520 ล้านบาท ลดลง 7.3% จากปีก่อนหน้า ส่งผลให้กำไรสุทธิในไตรมาส 2/66 อยู่ 4,566 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32.8% รวมเป็นกำไรสุทธิสำหรับ 6 เดือนแรกของปีที่ 8,861 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า

ท้ายสุดด้านความเพียงพอของเงินกองทุน อัตราส่วน CAR และ Tier 1 (เบื้องต้น) ณ สิ้นไตรมาส 2/66 ยังอยู่ในระดับสูงที่ 20% และ 16% ซึ่งสูงเป็นลำดับต้น ๆ ของอุตสาหกรรม และสูงกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำของธนาคารกลุ่ม D-SIBs ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนดไว้ที่ 12.0% และ 9.5% ตามลำดับ
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
#ให้ชีวิตการเงินดีทั้งวันนี้และอนาคต
#เปลี่ยนเพื่อให้ชีวิตคุณดีขึ้น #ttb #MakeREALChange
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

TMBThanachart reported net profit of THB 4,566 million in 2Q23, a 33% increase year-over-year. For the first half of 2023, net profit was THB 8,861 million, an increase of 34% from last year. Financial position remained strong, backed by controllable asset quality with well-contained NPLs, high liquidity and robust capital levels.

Bangkok, 19 July 2023 — TMBThanachart Bank Public Company Limited or TMBThanachart (ttb) announced its financial performance for the 2nd quarter and 6-month period of 2023 (2Q23 and 6M23). In 2Q23, net profit was reported at THB 4,566 million, an increase of 33% from the same quarter in 2022. For 6M23, net profit was at THB 8,861 million in total which improved 34% from last year. Key drivers were revenue generation, cost efficiency and lower provision as asset quality was under control with lower NPL and well-contained NPL ratio at 2.63% while NPL coverage ratio rose further to 144%.

Mr.Piti Tantakasem, CEO of TMBThanachart, mentioned “The Bank has maintained positive momentum in revenue generation and profitability. This reflects the effectiveness of our strategies and our flexibility in managing asset-liability portfolios to tackle with a rising rate environment.

Two key action plans for ttb to manage portfolios and enhance interest income generation are liquidity-recycling strategy and prefunding strategy. With the recycling strategy, the Bank has redeployed liquidity from loan repayments to grow new loans that offer better risk-adjusted returns. We believe this is a prudent approach to improve interest income rather than aggressively growing loan which could potentially lead to deterioration in portfolio quality. On the deposit side, the Bank has utilized pre-funding strategy by acquiring time deposits since last year, before entering the rate hike cycle. Consequently, the current deposit volume remained sufficient, allowing the Bank to manage deposit growth pace and funding cost more efficiently.

Recently, there has been a concern over customers’ debt serviceability in Thai banking and financial system, given the pressure from both domestic and external factors weighing down economic recovery. For ttb, we have always been conservative, emphasizing on prudent loan growth and proactively de-risking our portfolio. Moreover, we have gradually adjusted lending rates and continued to provide financial assistances, supporting our customers to be able to resume their debt repayment as normal.

With such approaches, the Bank’s portfolio quality, both commercial and retail segments, remained under control and in line with the target. At the present, NPL ratio stood at 2.63%, lower from 2.98% which was a peak level during Covid-19 period whereas NPL coverage ratio rose to 144% from 121%, indicating stronger risk buffers.

Moving forward to the second half of the year, the Bank aims to maintain quality loan growth strategy and prudent risk management and expects to see an improving momentum in operating performance, driven by our asset-liabilities optimization under the rate hike cycle, cost management and lower pressure on provision. In addition, we will continue to assist our customers, especially fragile group as well as to support the BoT’s direction to resolve Thailand’s household debt issue as ttb also aspires to improve customers’ financial well-being.”

The details of 2Q23 and 6M23 performance are as follows.

Total loans at the end of 2Q23 was THB 1,364 billion, a slight increase of 0.4% from the previous quarter (QoQ). Retail loans grew by 0.5% QoQ, seeing growth momentum from all targeted products namely ttb cash your car, ttb cash your home, personal loan and credit card. This was aligned with loan strategy to selectively grow loans from existing customers as the Bank has track record and well understands their risk profiles. Commercial loans also recorded a growth of 0.3% QoQ.

Total deposit ended at THB 1,395 billion or softened slightly by 0.5% QoQ. Such a QoQ change was in line with deposit cost optimization plan as well as liquidity management to balance loan and deposit volume. The current liquidity level remained sufficient as reflected by loan-to-deposit ratio or LDR at 98%.

When compared to 2Q22 and 6M22 performance, operating results remained on track and continued to recover. Thanks to the loan and deposit strategy together with initiatives to efficiently utilize excess liquidity and proactively manage investment portfolio to enhance asset yield during rate hike cycle, net interest income (NII) therefore improved. Meanwhile, net fees gradually recovered. As a result, total operating income in 2Q23 came in at THB 17,760 million, an 11.8% increase from 2Q22 and in total for 6-month period, total operating income was THB 34,630 million or increased by 9.4% year-over-year.

On the cost side, operating expense was THB 7,863 million in 2Q23 and THB 15,166 million in 6M23, indicating 8.3% and 6.4% increase year-over-year, respectively. Such an increase was in accordance with business volume growth as well as the Bank’s investment plan. With cost efficiency, the Bank could keep costs in control and aligned with revenue generation as reflected by cost to income ratio which stayed at 44%, in line with target guidance.

From topline improvement and cost efficiency, Pre-Provision Operating Profit (PPOP) therefore rose to THB 9,940 million or grew by 13.6% from 2Q22 and THB 19,501 million for 6M23, an increase of 11.0%.
In 2Q23, the Bank set aside provision of THB 4,244 million, which decreased by 3.2% from the previous year and in total of THB 8,520 million for the first six months, a decrease of 7.3% from previous year. Net profit, therefore, stood at THB 4,566 million, up 32.8% in 2Q23 and at THB 8,861 million in 6M23, an increase of 33.6% from the same period last year.

Lastly, on the capital adequacy, the preliminary CAR and Tier 1 remained robust at 20% and 16% at the end of 2Q23. These figures were among the top tiers in banking industry and well above the Bank of Thailand’s minimum requirement for D-SIBs banks at 12.0% and 9.5%, respectively.

* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
#ให้ชีวิตการเงินดีทั้งวันนี้และอนาคต
#เปลี่ยนเพื่อให้ชีวิตคุณดีขึ้น #ttb #MakeREALChange
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *