พิพัฒน์” นำทัพ Safe@Work 2025 ชูความปลอดภัยเป็นยุทธศาสตร์ชาติ ย้ำสุขภาพดี หนุนภาคธุรกิจร่วมยกระดับมาตรฐานแรงงานไทย

0
24

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานเปิดงาน “ความปลอดภัยและอาชีวอนามัยแห่งชาติ ครั้งที่ 37” หรือ Thailand Safe@Work 2025 ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี ภายใต้แนวคิด “ร่วมสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัย เพื่อสังคมไทยยั่งยืน”

โดยมีนายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน ดร.กำธร ชีพชัยอิสสระ ประธานกรรมการสสปท. ดร.นันทชัย ปัญญาสุรฤทธิ์ ผู้อำนวยการสสปท. ผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงงาน ให้การต้อนรับ พร้อมด้วยผู้แทนจากสถานประกอบกิจการ หน่วยงานภาครัฐ สถาบันการศึกษา และแรงงานจากทั่วประเทศเข้าร่วมอย่างคึกคัก


นายพิพัฒน์ กล่าวว่า กระทรวงแรงงานยึดมั่นในหลักการว่า “ความปลอดภัยในการทำงาน” ไม่ใช่เพียงสิทธิขั้นพื้นฐานของแรงงานเท่านั้น แต่ยังเป็น “ยุทธศาสตร์ด้านเศรษฐกิจ” ที่ช่วยยกระดับผลิตภาพแรงงาน เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ และลดต้นทุนที่อาจเกิดจากอุบัติเหตุหรือโรคจากการทำงาน

โดยข้อมูลจากองค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) ระบุว่า ต้นทุนจากความไม่ปลอดภัยในการทำงานอาจสูงถึง 4–6% ของ GDP ของแต่ละประเทศ ซึ่งถือเป็นภาระทางเศรษฐกิจที่สามารถป้องกันได้ หากมีการวางระบบความปลอดภัยที่ดีและ เพื่อผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นรูปธรรม กระทรวงแรงงานได้กำหนด 3 เสาหลัก ของนโยบายด้านความปลอดภัย ได้แก่

  1. เสริมสร้างความรู้และจิตสำนึกด้านความปลอดภัย ผ่านการสื่อสาร เทคโนโลยี และหลักสูตรอบรม
  2. สนับสนุนสถานประกอบการให้เข้าถึงมาตรฐานความปลอดภัยระดับสากล เช่น ISO 45001
  3. ตรวจสอบและบังคับใช้กฎหมายความปลอดภัยอย่างเข้มงวดและครอบคลุมทั่วประเทศ โดยในวันนี้ไม่เพียงแค่การจัดงาน แต่ขอมอบพันธกิจร่วมกับทุกภาคส่วน เพื่อ“ประเทศไทยแห่งความปลอมีความปลอดภัยอย่างแท้จริง ด้าน นายนันทชัย ปัญญาสุรฤทธิ์ ผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน (สสปท.) กล่าวเสริมว่า แรงงานที่สุขภาพดี มีงานที่มั่นคง และมีรายได้ที่เหมาะสม จะเป็นพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยได้อย่างยั่งยืน อีกทั้งยังช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีแก่ประเทศไทยในสายตานักลงทุนต่างชาติ โดยเฉพาะเมื่อไทยเป็นส่วนหนึ่งของห่วงโซ่อุปทานโลก สสปท. พร้อมสนับสนุนสถานประกอบการให้ยกระดับระบบการจัดการด้านความปลอดภัยอย่างครอบคลุม ผ่านโครงการต่าง ๆ เช่น การอบรมเจ้าหน้าที่ความปลอดภัย (จป.), การบ่มเพาะนวัตกรรมความปลอดภัยในสถานประกอบการ และเวทีการประกวดองค์กรต้นแบบด้านความปลอดภัยระดับประเทศ ซึ่งภายในงาน Thailand Safe@Work 2025 ยังจัดแสดงนวัตกรรมด้านความปลอดภัยและอาชีวอนามัยที่ได้รับรางวัลจากโครงการพัฒนานวัตกรรมของ สสปท. โดยมีผลงานที่โดดเด่น อาทิ“Smart Med Infusion” จากโรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้า: ระบบให้ยาเคมีบำบัดแบบปิด ช่วยลดการรั่วไหลของสารเคมีจากร้อยละ 20–30 เหลือศูนย์ เพิ่มความปลอดภัยแก่บุคลากรและผู้ป่วย อากาศยานไร้คนขับพร้อมแขนกล จากวิทยาลัยเทคโนโลยีสยาม: ถูกออกแบบเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยในสถานการณ์ฉุกเฉิน เช่น ไฟไหม้หรือน้ำท่วม ขอเชิญชวนสถานประกอบการทุกแห่งทั่วประเทศ ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการสร้าง “วัฒนธรรมความปลอดภัย” ในสถานที่ทำงานเพื่อประโยชน์ทั้งต่อแรงงาน องค์กร และเศรษฐกิจของประเทศโดยรวมเพราะ “ความปลอดภัย” ไม่ใช่ต้นทุนที่สูญเปล่า แต่คือ “การลงทุนเพื่ออนาคตที่ยั่งยืน” นาย นันทชัย กล่าวปิดท้าย