กลุ่มบริษัทเอไอเอ (“เอไอเอ” หรือ “บริษัท” รหัสหลักทรัพย์: 1299) ประกาศผลประกอบการมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) เติบโตขึ้นร้อยละ 13 คิดบนอัตราแลกเปลี่ยนคงที่ (CER) สำหรับไตรมาสที่ 1 สิ้นสุด ณ วันที่ 31มีนาคม 2568
อัตราการเติบโตรายงานจากอัตราแลกเปลี่ยนคงที่:
• มูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) เติบโตร้อยละ 13 อยู่ที่ 1,497 ล้านเหรียญสหรัฐ
• เบี้ยประกันภัยรับปีแรก (ANP) เพิ่มขึ้นร้อยละ 7 อยู่ที่ 2,617 ล้านเหรียญสหรัฐ
• อัตรากำไรของมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB margin) เพิ่มขึ้น 3.0 จุด เป็นร้อยละ 57.5
• กำไรจากการให้บริการตามสัญญาเนื่องจากธุรกิจใหม่ (NB CSM) เพิ่มขึ้นร้อยละ 16
• อัตราส่วนเงินทุนของผู้ถือหุ้นยังคงแข็งแกร่งอย่างไร้กังวลอยู่ที่เกินกว่าร้อยละ 200
หน่วย : ล้านเหรียญสหรัฐ เว้นแต่ระบุเป็นอย่างอื่น ไตรมาส 1
ปี 2568 ไตรมาส 1
ปี 2567 เปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของ
ปีก่อน
(อัตราแลกเปลี่ยนคงที่) เปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของ
ปีก่อน
(อัตราแลกเปลี่ยนตามจริง)
มูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) 1,497 1,327 13% 13%
อัตรากำไรของมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB margin) 57.5% 54.2% 3.0 จุด 3.3 จุด
เบี้ยประกันภัยรับปีแรก (ANP) 2,617 2,449 7% 7%
นายหลี่ หยวน ชยอง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มบริษัทเอไอเอ กล่าวว่า
เอไอเอยังคงรักษาผลงานและการเติบโตที่ยอดเยี่ยมในปี 2567 ไว้ได้อย่างต่อเนื่อง โดยมีมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) อยู่ที่ 1.5 พันล้านเหรียญสหรัฐในไตรมาสแรกของปี 2568 ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 13 เมื่อเทียบกับผลงานไตรมาสเดียวกันในปีที่แล้ว ความสามารถของเราในการคว้าโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ ที่สร้างกำไรได้อย่างยั่งยืนในระดับขนาดใหญ่เป็นผลโดยตรงมาจากรูปแบบธุรกิจที่หลากหลายและความยืดหยุ่นสูงในธุรกิจของเรา รวมถึงความต้องการผลิตภัณฑ์และบริการของเอไอเอที่เพิ่มมากขึ้น
โปรแกรมพรีเมียร์ เอเจนซี่ ของเราถือเป็นเสาหลักสำคัญของกลยุทธ์การเติบโตของเราโดยส่งมอบมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) มากกว่าร้อยละ 75 ของกลุ่มบริษัททั้งหมดในไตรมาสแรกของปี 2568 เรายังคงขยายการเข้าถึงของเราอย่างต่อเนื่องด้วยการสรรหาตัวแทนที่มีคุณภาพสูงและแข็งแกร่ง ซึ่งช่วยทำให้มีจำนวนตัวแทนที่สร้างผลงานเพิ่มขึ้นโดยรวม ร้อยละ 8 อีกทั้งรูปแบบโปรแกรม พรีเมียร์ เอเจนซี่ ที่แตกต่างของเรา ที่ได้มุ่งเน้นสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวกับลูกค้าและขับเคลื่อนโดยแพลตฟอร์มดิจิทัลชั้นนำได้ส่งผลให้ตัวแทนสร้างผลงานได้เพิ่มขึ้น และยังคงรักษาส่วนผสมผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายและยืดหยุ่นในเวลาเดียวกัน
“ความมุ่งมั่นของทีมผู้บริหารที่พิสูจน์แล้วของเราในการสร้างมูลค่าธุรกิจที่มีคุณภาพสูงและยั่งยืนในระยะยาว และเรายังมุ่งเน้นอย่างต่อเนื่องในการดำเนินงานตามลำดับความสำคัญเชิงกลยุทธ์ของเรา ที่จะช่วยให้เราประสบความสำเร็จในการส่งมอบผลงานที่ดีท่ามกลางตลาดทุนที่มีความผันผวนทั่วโลก และเข้าถึงปัจจัยกระตุ้นการเติบโตพื้นฐานที่แข็งแกร่งในเอเชีย ซึ่งเป็นภูมิภาคที่น่าสนใจที่สุดในโลกสำหรับธุรกิจประกันชีวิตและสุขภาพ ผมมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าข้อได้เปรียบในการแข่งขันที่สำคัญของเราจะยังคงส่งมอบคุณค่าระยะยาวที่ยั่งยืนให้แก่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องของเราทุกฝ่ายต่อไป”
บทสรุปไตรมาสที่ 1
เอไอเอมีมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) เพิ่มขึ้นร้อยละ 13 คิดเป็นมูลค่า 1,497 ล้านเหรียญสหรัฐในไตรมาสที่ 1 ของปี 2568 โดยมีผลมาจากทั้งช่องทางตัวแทนและช่องทางพันธมิตรธุรกิจของเรา
โปรแกรมพรีเมียร์ เอเจนซี่ ที่เหนือชั้นและไม่มีใครเทียบได้ของเราทำให้มูลค่าธุรกิจใหม่เติบโตขึ้นร้อยละ 21 คิดเป็น 1,218 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเติบโตอย่างแข็งแกร่งทั้งจากความคุ้มครองแบบดั้งเดิมและผลิตภัณฑ์ที่เข้าร่วมโครงการ การดำเนินการตามกลยุทธ์อย่างมีเป้าหมายของเราส่งผลให้ประสิทธิภาพของตัวแทนสูงขึ้น รวมถึงจำนวนตัวแทนที่สร้างผลงานเพิ่มขึ้นร้อยละ 8 และจำนวนผู้สมัครตัวแทนใหม่เพิ่มขึ้นร้อยละ 9 โดยช่องทางตัวแทนของเราคิดเป็นมากกว่าร้อยละ 75 ของมูลค่าธุรกิจใหม่ทั้งหมดของกลุ่มบริษัทในไตรมาสแรกของปี 2568
มูลค่าธุรกิจใหม่จากช่องทางพันธมิตรธุรกิจของเราเพิ่มขึ้นร้อยละ 2 คิดเป็นมูลค่า 397 ล้านเหรียญสหรัฐ เนื่องจากเรายังคงรักษาวินัยทางการเงินในช่องทางที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ (IFA) และช่องทางโบรกเกอร์ของเอไอเอ ฮ่องกง รวมถึงการขายผลิตภัณฑ์ประกันผ่านช่องทางธนาคารของเอไอเอ ประเทศจีน สำหรับนอกประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ การขายผลิตภัณฑ์ประกันผ่านช่องทางธนาคารของเรามีอัตราการเติบโตร้อยละ 21 ของมูลค่าธุรกิจใหม่
เอไอเอ ฮ่องกง ซึ่งเป็นธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดของเรา มีผลประกอบการที่แข็งแกร่งมากอีกไตรมาสหนึ่ง โดยมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) เพิ่มขึ้นร้อยละ 16 โดยได้รับการสนับสนุนจากการเติบโตในกลุ่มลูกค้านักท่องเที่ยวชาวจีนแผ่นดินใหญ่และลูกค้าในประเทศ เราประสบความสำเร็จอย่างยอดเยี่ยมในช่องทางพรีเมียร์ เอเจนซี่ และช่องทางการขายผลิตภัณฑ์ประกันผ่านธนาคาร โปรแกรมพรีเมียร์ เอเจนซี่ ของเราเป็นผู้นำตลาดในฮ่องกงและมาเก๊า และกลยุทธ์ของเรายังคงผลักดันให้ตัวแทนที่สร้างผลงานเพิ่มขึ้น รวมถึงการสรรหาตัวแทนที่มีคุณภาพสูงและแข็งแกร่ง
มูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) ของ เอไอเอ ประเทศจีน เพิ่มขึ้นร้อยละ 8 ก่อนที่จะได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสมมติฐานทางเศรษฐกิจ เมื่อเทียบกับผลงานอันแข็งแกร่งที่เราได้รายงานในไตรมาสแรกของปี 2567 มูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) ที่ได้รวมอยู่ในรายงานผลประกอบการของกลุ่มบริษัทไตรมาสแรกของปี 2568 สะท้อนให้เห็นถึงผลตอบแทนพันธบัตรของรัฐบาลจีน ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567 รวมถึงการปรับลดสมมติฐานผลตอบแทนจากการลงทุนระยะยาวของเราลง 80 จุด ในช่วงสิ้นปี 2567 อีกด้วย เมื่อพิจารณาอย่างรอบคอบจะเห็นได้ว่ามูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) ลดลงร้อยละ 7 เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปี 2567 ในขณะที่อัตรากำไรของมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB Margin) สูงกว่าร้อยละ 50 ตามที่ระบุไว้ก่อนหน้านี้
โปรแกรมพรีเมียร์ เอเจนซี่ ของเรามีเอกลักษณ์เฉพาะตัวในจีนแผ่นดินใหญ่ โดยเราผสมผสานคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญที่มีคุณภาพสูงรวมเข้ากับการสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวกับกลุ่มลูกค้าชนชั้นกลางและลูกค้าที่มีฐานะดี ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายที่มีฐานะมั่นคงทางเศรษฐกิจของเรา การฝึกอบรมเชิงรุกและความเป็นมืออาชีพของตัวแทนของเราเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้กลยุทธ์ผลิตภัณฑ์ของเราประสบความสำเร็จในการเปลี่ยนแปลงไปสู่ผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย และผสมผสานผลิตภัณฑ์โดยรวมของเราได้อย่างสมดุล การสรรหาตัวแทนใหม่ยังคงแข็งแกร่ง โดยจำนวนตัวแทนใหม่ที่สร้างผลงานเพิ่มขึ้นร้อยละ 15 ส่งผลให้จำนวนตัวแทนที่สร้างผลงานโดยรวม เพิ่มขึ้นอยู่ที่ร้อยละ 6 ซึ่งส่งผลให้มีแรงผลักดันในการขายต่อไป
มูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) จากตัวแทนขายในภูมิภาคใหม่ที่เราก่อตั้งขึ้นในระหว่างปี 2562 ถึง 2566 เติบโตขึ้นมากกว่าร้อยละ 20 ในเดือนมีนาคมและเมษายนเราประสบความสำเร็จในการเปิดตัวการดำเนินงานใน 4 ภูมิภาคใหม่ ได้แก่ อานฮุย ซานตง ฉงชิ่ง และเจ้อเจียง ช่วยให้สามารถเข้าถึงลูกค้าใหม่ที่มีศักยภาพกว่า 100 ล้านรายในกลุ่มเป้าหมายของเรา
เอไอเอ ประเทศไทย มีอัตราการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่ที่โดดเด่นมาก โดยเราได้รับประโยชน์จากการขายแบบครั้งเดียวผ่านช่องทางตัวแทนก่อนที่จะมีการเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ประกันสุขภาพรายบุคคลตั้งแต่เดือนมีนาคม 2568 นอกจากนี้ เรายังเห็นถึงการเติบโตที่แข็งแกร่งมากของมูลค่าธุรกิจใหม่ จากการขายผลิตภัณฑ์ประกันผ่านช่องทางธนาคาร ซึ่งขับเคลื่อนด้วยความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ของเรากับธนาคารกรุงเทพ
ในสิงคโปร์ เราประสบความสำเร็จด้วยการเติบโตอย่างยอดเยี่ยมของมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) และยังคงเห็นยอดขายที่แข็งแกร่งจากผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตควบการลงทุน (ยูนิต ลิงค์) เพื่อการออมเงินระยะยาว ที่สามารถเข้าถึงผู้จัดการกองทุนระดับโลกผ่านแพลตฟอร์มกองทุนรวมระดับภูมิภาคของเอไอเอ นอกจากนี้ ผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งของโปรแกรมพรีเมียร์ เอเจนซี่ ของเราซึ่งถือเป็นผู้นำตลาด ยังได้รับการสนับสนุนจากการเติบโตที่เข้มแข็งอย่างมากในผลงานของตัวแทน
เอไอเอ มาเลเซีย รายงานมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) ที่สูงขึ้นจากการเติบโตที่ยอดเยี่ยมผ่านความร่วมมือทางกลยุทธ์กับ Public Bank ซึ่งบางส่วนถูกหักลบจากการลดลงของช่องทางตัวแทน ซึ่งเรายังคงมุ่งเน้นไปที่การสรรหาบุคลากรที่มีคุณภาพ
ตลาดอื่น ๆ มีอัตราการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) ที่แข็งแกร่งมาก ซึ่งขับเคลื่อนโดยการเพิ่มขึ้นของตลาดส่วนใหญ่ในกลุ่มธุรกิจนี้ บริษัทร่วมทุนของเราในอินเดียอย่าง Tata AIA Life ประสบความสำเร็จในการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) ที่ยอดเยี่ยมด้วยประสิทธิภาพที่แข็งแกร่งในแพลตฟอร์มการขายหลายช่องทาง และรักษาอันดับหนึ่งของอุตสาหกรรมในด้านการส่งมอบความคุ้มครองให้กับลูกค้าบุคคล คิดตามจำนวนเงินเอาประกันภัยในไตรมาสแรกของปี 2568
โดยรวมแล้ว มูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) ของกลุ่มบริษัทเพิ่มขึ้นร้อยละ 13 เป็น 1,497 ล้านเหรียญสหรัฐ เบี้ยประกันภัยรับปีแรก (ANP) เติบโตร้อยละ 7 เป็น 2,617 ล้านเหรียญสหรัฐ ในขณะที่อัตรากำไรของมูลค่าธุรกิจใหม่ เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 57.5 ซึ่งได้รับประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงในส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ ซึ่งถูกหักลบบางส่วนจากการเปลี่ยนแปลงสมมติฐานทางเศรษฐกิจ อัตรากำไรที่รายงานตามมูลค่าปัจจุบันของเบี้ยประกันภัยธุรกิจใหม่ (PVNBP) ยังคงเท่าเดิม ในขณะที่เบี้ยประกันภัยรับรวม (TWPI) เพิ่มขึ้นร้อยละ 14 เป็น 12,680 ล้านเหรียญสหรัฐ
กำไรจากการให้บริการตามสัญญาเนื่องจากธุรกิจใหม่ (NB CSM) สำหรับไตรมาสแรกของปี 2568 เพิ่มขึ้นร้อยละ 16 เติบโตเร็วกว่ามูลค่าของธุรกิจใหม่ (VONB) ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 13 ธุรกิจใหม่ที่มีกำไรเพิ่มเข้ามาเสริมรายได้ที่เกิดขึ้นประจำจากธุรกิจที่มีอยู่แล้ว ทำให้เรามั่นใจในการบรรลุเป้าหมายการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ของกำไรจากการดำเนินงานหลังหักภาษี (OPAT) ต่อหุ้นที่ร้อยละ 9-11 จากปี 2566 ถึง 2569
ถึงแม้ว่าสภาพแวดล้อมมหภาคทั่วโลกและตลาดทุนจะยังคงผันผวน แต่ความแข็งแกร่งทางการเงินและความยืดหยุ่นของเอไอเอ ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้กลุ่มบริษัทมีความแตกต่าง อัตราส่วนเงินทุนของผู้ถือหุ้น ซึ่งเป็นตัวชี้วัดหลักของเราในการวัดเงินทุนโดยรวมและสถานะส่วนเกินของผู้ถือหุ้น ยังคงแข็งแกร่งและอยู่ที่ระดับสูงกว่าร้อยละ 200 อย่างไร้กังวล ณ วันที่ 31 มีนาคม 2568 โปรแกรมซื้อหุ้นคืนมูลค่า 1.6 พันล้านเหรียญสหรัฐที่เราประกาศไปเมื่อไม่นานนี้เริ่มต้นขึ้นเมื่อวันที่ 14 เมษายน 2568 และคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในระยะเวลาสามเดือน
จำนวนหุ้นที่เรียกชำระแล้ว ณ วันที่ 31 มีนาคม 2568 ลดลงร้อยละ 5 เมื่อเทียบกับวันที่ 31 มีนาคม 2567
ภาพรวม
แม้จะมีความผันผวนของตลาดทุนและความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ แต่การออมส่วนบุคคลในระดับสูง ประชากรสูงอายุที่เพิ่มมากขึ้น การเจาะตลาดประกันชีวิตที่ต่ำ และความคุ้มครองจากสวัสดิการที่จำกัด ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญในการเติบโตเชิงโครงสร้างในเอเชีย และสร้างความต้องการในผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตอีกเป็นจำนวนมาก การเติบโตที่แข็งแกร่งของเอไอเอในไตรมาสแรกของปี 2568 สะท้อนให้เห็นถึงข้อได้เปรียบในการแข่งขันที่สำคัญของเรา ความครอบคลุมและหลากหลายของตลาด ความแข็งแกร่งทางการเงิน และคุณภาพของบุคลากรของเรา นับเป็นปัจจัยสำคัญต่อความสำเร็จของโอกาสทางธุรกิจในระยะยาวที่ยอดเยี่ยมของเอไอเอ ยิ่งไปกว่านั้น การจัดลำดับความสำคัญเชิงกลยุทธ์ของเราได้เอื้อให้เราได้รับโอกาสสำคัญที่รออยู่ข้างหน้า เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจใหม่ที่มีกำไร ซึ่งจะส่งผลให้มีรายได้ในอนาคตเพิ่มขึ้น รวมถึงการสร้างผลกำไรส่วนเกิน และมูลค่าผู้ถือหุ้นที่มากขึ้นด้วย
รายงานพอร์ตโฟลิโอการลงทุน
สถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งและยืดหยุ่นของเอไอเอ ถือเป็นตัวสร้างความแตกต่างและข้อได้เปรียบในการแข่งขันที่สำคัญ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากการบริหารพอร์ตการลงทุนที่มีประสิทธิภาพและแนวทางการลงทุนที่ขับเคลื่อนโดยภาระผูกพัน
อันดับเครดิตเฉลี่ยของพอร์ตโฟลิโอตราสารหนี้ ณ วันที่ 31 มีนาคม 2568 ที่ถือครองในส่วนของผู้ถือกรมธรรม์และผู้ถือหุ้นยังคงอยู่ที่ระดับ A เมื่อเทียบกับสถานะ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567 พอร์ตโฟลิโอหุ้นกู้ที่ออกโดยบริษัทเอกชนมีการกระจายความเสี่ยงที่ดี โดยมีผู้ออกหุ้นกู้มากกว่า 1,700 ราย และมีขนาดการถือครองโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 39 ล้านเหรียญสหรัฐ
ณ วันที่ 31 มีนาคม 2568 ตราสารหนี้ ทั้งหมดร้อยละ 2 ของพอร์ตโฟลิโอได้รับการจัดอันดับต่ำกว่าระดับลงทุนหรือไม่ได้รับการจัดอันดับ คิดเป็นมูลค่าประมาณ 3.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งใกล้เคียงกับมูลค่า ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567 ตราสารหนี้มูลค่าประมาณ 34 ล้านเหรียญหรัฐ ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 0.02 ของพอร์ตโฟลิโอตราสารหนี้ทั้งหมดของเรา ได้รับการปรับลดระดับลงมาต่ำกว่าระดับลงทุนในไตรมาสแรกของปี 2568
ผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (ECL) สำหรับพอร์ตโฟลิโอตราสารหนี้ของเราลดลง 2 ล้านเหรียญสหรัฐในไตรมาสแรกของปี 2568 ผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจำนวน 463 ล้านเหรียญสหรัฐคิดเป็นร้อยละ 0.5 ของพอร์ตโฟลิโอตราสารหนี้ ณ วันที่ 31 มีนาคม 2568 ซึ่งสะท้อนถึงพอร์ตโฟลิโอการลงทุนคุณภาพสูงโดยรวมของเอไอเอ
ณ วันที่ 31 มีนาคม 2568 ความเสี่ยงด้านการลงทุนของกลุ่มในจีนแผ่นดินใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับผู้ถือกรมธรรม์รายอื่นและผู้ถือหุ้น ได้แก่ เครื่องมือทางการเงินของรัฐบาลท้องถิ่น (LGFV) มูลค่า 1.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ และตราสารหนี้และตราสารทุนด้านอสังหาริมทรัพย์มูลค่า 0.9 พันล้านเหรียญสหรัฐ (ไม่รวม LGFV)
ณ วันที่ 31 มีนาคม 2568 พอร์ตโฟลิโอการลงทุนของเอไอเอ ประเทศจีน ที่เกี่ยวข้องกับผู้ถือกรมธรรม์รายอื่นและผู้ถือหุ้นมากกว่าร้อยละ 80 ถืออยู่ในตราสารหนี้ ในจำนวนนี้มากกว่าร้อยละ 90 เป็นพันธบัตรรัฐบาลและหน่วยงานของรัฐ อันดับความน่าเชื่อถือระหว่างประเทศโดยเฉลี่ยของพอร์ตโฟลิโอการลงทุนพันธบัตรผู้ถือกรมธรรม์รายอื่นและผู้ถือหุ้นของเอไอเอ ประเทศจีน ซึ่งยังคงทรงตัวเมื่อเทียบกับสถานะ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567 ที่ A+
เราได้ให้รายละเอียดพอร์ตการลงทุนของกลุ่ม ณ วันที่ 31 มีนาคม 2568 ไว้ในภาคผนวก หน้า 9 -11
อัปเดต BEPS 2.0 – ภาษีขั้นต่ำทั่วโลก
ภาษีเงินได้เสาหลักที่สอง ซึ่งเป็นเสาหลักที่สองของโครงการปฏิรูปภาษีนิติบุคคลระหว่างประเทศที่พัฒนาโดยองค์กรเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ (OECD) และมักเรียกกันว่า การโยกย้ายฐานภาษีและผลกำไรของกลุ่มบริษัทข้ามชาติ (BEPS) 2.0 มุ่งมั่นที่จะกำหนดอัตราภาษีที่แท้จริงขั้นต่ำที่มีผลบังคับใช้กับบริษัทข้ามชาติขนาดใหญ่ในเขตอำนาจศาลแต่ละแห่งที่บริษัทดำเนินงานอยู่เขตอำนาจศาลหลายแห่งที่กลุ่มบริษัทดำเนินงานอยู่ รวมทั้งจีนแผ่นดินใหญ่และซึ่งกฎหมายภาษีเงินได้เสาหลักที่สองยังไม่ได้มีผลบังคับใช้เนื่องจากความไม่แน่นอนอย่างมากที่เกิดขึ้น ตัวเลขในประกาศนี้จึงไม่รวมผลกระทบใด ๆ จาก BEPS 2.0
ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ
เอไอเอ ได้รับเบี้ยประกันส่วนใหญ่ในสกุลเงินท้องถิ่น และเราจับคู่สินทรัพย์และหนี้สินในประเทศอย่างใกล้ชิดเพื่อลดผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการเคลื่อนไหวของอัตราแลกเปลี่ยน เมื่อรายงานตัวเลขรวมของกลุ่ม จะมีผลกระทบต่อการแปลงสกุลเงินเนื่องจากเรารายงานเป็นดอลลาร์สหรัฐ เราได้ให้รายละเอียดอัตราการเติบโตและความคิดเห็นบนอัตราแลกเปลี่ยนคงที่ (CER) เว้นแต่จะระบุไว้เป็นอย่างอื่น เนื่องจากข้อมูลดังกล่าวช่วยให้เห็นภาพผลการดำเนินงานพื้นฐานของธุรกิจได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
หมายเหตุ:
- ไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2568 และ 2567 ของเอไอเอ สิ้นสุดในวันที่ 31 มีนาคม 2568 และ 31 มีนาคม 2567 ตามลำดับ
- ตัวเลขทั้งหมดแสดงเป็นสกุลเงินรายงานจริง (ดอลลาร์สหรัฐ) และอิงตามอัตราแลกเปลี่ยนจริง (AER) เว้นแต่จะระบุไว้เป็นอย่างอื่น การเปลี่ยนแปลงจะแสดงเป็นรายปีและอิงตามอัตราแลกเปลี่ยนคงที่ (CER) เว้นแต่จะระบุไว้เป็นอย่างอื่น การเปลี่ยนแปลงของ CER คำนวณโดยใช้อัตราแลกเปลี่ยนเฉลี่ยคงที่สำหรับปี 2568 และ 2567
- สมมติฐานผลตอบแทนการลงทุนระยะยาวบนมูลค่าพื้นฐานของกิจการ (EV) สำหรับผลประกอบการไตรมาสแรกของปี 2568 นั้นเหมือนกับ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567 ซึ่งแสดงไว้ในข้อมูลพื้นฐานของกิจการเพิ่มเติมในรายงานประจำปี 2567 ของเรา สมมติฐานที่ไม่ใช่ทางเศรษฐกิจที่ใช้ในฐาน EV นั้นอิงตามสมมติฐาน ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567 ซึ่งได้รับการปรับปรุงเพื่อสะท้อนมุมมองล่าสุดของเอไอเอ เกี่ยวกับประสบการณ์ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต
- มูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) สำหรับกลุ่มบริษัทไม่รวมมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) ที่เกิดจากส่วนได้เสียที่ไม่ใช่การควบคุม
- มูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) คำนวณจากสมมติฐานที่มีผลใช้บังคับ ณ จุดขาย
มูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) รวมถึงธุรกิจเงินบำนาญ ส่วนอัตรากำไรของมูลค่าธุรกิจใหม่ (ANP) และมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) ไม่รวมธุรกิจเงินบำนาญ และรายงานก่อนหักส่วนได้เสียที่ไม่ใช่ผู้มีอำนาจควบคุม - เบี้ยประกันภัยรับปีแรก (ANP) คิดเป็นร้อยละ 100 ของเบี้ยประกันภัยปีแรกต่อปี และร้อยละ 10 ของเบี้ยประกันภัยจ่ายครั้งเดียว ก่อนการประกันภัยต่อและไม่รวมธุรกิจเงินบำนาญ
- เบี้ยประกันภัยรับรวม (TWPI) ประกอบด้วยเบี้ยประกันภัยต่ออายุร้อยละ 100 เบี้ยประกันภัยปีแรกร้อยละ 100 และเบี้ยประกันภัยจ่ายครั้งเดียวร้อยละ 10 ก่อนการประกันภัยต่อ
- กำไรจากการให้บริการตามสัญญาเนื่องจากธุรกิจใหม่ (NB CSM) คือ กำไรจากการให้บริการตามสัญญาที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจใหม่ที่เขียนขึ้นในช่วงระยะเวลา หักด้วยการรับประกันภัยต่อที่เกี่ยวข้อง เพื่อความชัดเจน NB CSM ไม่รวมเงินสนับสนุนจาก Tata AIA Life Insurance Company Limited (Tata AIA Life) และ China Post Life Insurance Co., Ltd. (China Post Life)
- อัตราการเติบโตต่อปีแบบทบต้น (CAGR) ตั้งแต่ปี 2566 ถึง 2569 คำนวณจากอัตราแลกเปลี่ยนคงที่
- อัตราส่วนเงินทุนของผู้ถือหุ้นถูกกำหนดให้เป็นทรัพยากรเงินทุนทั้งหมดที่คำนวณตามพื้นฐานของผู้ถือหุ้น ซึ่งประกอบด้วยส่วนเกินโดยอิสระและเงินทุนที่จำเป็น (ตามที่ใช้ในการคำนวณมูลค่าธุรกิจของเรา) และเงินทุนหนี้ชั้น 2 ที่เข้าเงื่อนไข (ตามที่ใช้ในตำแหน่งความสามารถในการชำระหนี้ของวิธีการสรุปเงินทุนท้องถิ่นของกลุ่มของเรา) เป็นเปอร์เซ็นต์ของเงินทุนที่จำเป็น
- ในบริบทของกลุ่มรายงานของเรา ฮ่องกงหมายถึงการดำเนินงานในเขตบริหารพิเศษฮ่องกง (SAR) และเขตบริหารพิเศษมาเก๊า สิงคโปร์หมายถึงการดำเนินงานในสิงคโปร์และบรูไน และตลาดอื่น ๆ หมายถึงการดำเนินงานในออสเตรเลีย กัมพูชา อินเดีย อินโดนีเซีย เมียนมาร์ นิวซีแลนด์ ฟิลิปปินส์ เกาหลีใต้ ศรีลังกา ไต้หวัน (จีน) และเวียดนาม
พื้นที่ทางภูมิศาสตร์ใหม่ของเอไอเอ ประเทศจีน ที่จัดตั้งขึ้นระหว่างปี 2562 ถึง 2566 หมายถึงการดำเนินงานของเราในเทียนจิน เหอเป่ย เสฉวน หูเป่ย และเหอหนาน ในเดือนมีนาคมและเมษายน เราประสบความสำเร็จในการเปิดตัวการดำเนินงานใหม่ในพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ใหม่อีกสี่แห่ง ได้แก่ อานฮุย ซานตง ฉงชิ่ง และเจ้อเจียง - มูลค่าธุรกิจใหม่ตามช่องทางการจำหน่ายขึ้นอยู่กับการสำรองตามกฎหมายท้องถิ่นและข้อกำหนดด้านทุน และไม่รวมธุรกิจเงินบำนาญ
- เบี้ยประกันภัยรับปีแรก (ANP) และ มูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) สำหรับตลาดอื่น ๆ รวมถึงผลลัพธ์จากการถือหุ้นร้อยละ 49 ใน Tata AIA Life นอกจากนี้ เบี้ยประกันภัยรับปีแรก (ANP) และ มูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) ไม่รวมส่วนสนับสนุนจากการถือหุ้นร้อยละ 24.99 ใน China Post Life
เพื่อความชัดเจน เบี้ยประกันภัยรับรวม (TWPI) ไม่รวมส่วนสนับสนุนจาก Tata AIA Life และ China Post Life - ผลการดำเนินงานของ Tata AIA Life จะถูกบันทึกโดยใช้งวดสามเดือนที่สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2567 และงวดสามเดือนที่สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2566 ในผลการดำเนินงานรวมของเอไอเอ สำหรับไตรมาสแรกสิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2568 และไตรมาสแรกสิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2567 ตามลำดับ
เกี่ยวกับกลุ่มบริษัทเอไอเอ
กลุ่มบริษัทเอไอเอ และบริษัทในเครือ (รวมเรียกว่า “เอไอเอ” หรือ “กลุ่มบริษัทเอไอเอ”) เป็นกลุ่มบริษัทประกันชีวิตที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์และมีการบริหารจัดการอย่างอิสระ มีบริษัทในเครือและสำนักงานสาขาใน 18 ประเทศทั่วเอเชียแปซิฟิก ทั้งในประเทศจีน เขตปกครองพิเศษฮ่องกง ไทย สิงคโปร์ มาเลเซีย ออสเตรเลีย กัมพูชา อินโดนีเซีย เมียนมาร์ นิวซีแลนด์ ฟิลิปปินส์ เกาหลีใต้ ศรีลังกา ไต้หวัน (จีน) เวียดนาม บรูไน และเขตปกครองพิเศษมาเก๊า และเป็นผู้ถือหุ้นร่วมทุนร้อยละ 49 ในประเทศอินเดีย นอกจากนี้ เอไอเอ ได้เข้าไปถือหุ้นในบริษัทไชน่า โพสต์ ไลฟ์ ประกันชีวิต ในอัตราส่วนร้อยละ 24.99
เอไอเอเริ่มต้นธุรกิจครั้งแรกในเมืองเซี่ยงไฮ้เมื่อศตวรรษที่ผ่านมา ในปี 2462 โดยเป็นผู้นำตลาดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (ยกเว้นประเทศญี่ปุ่น) ในด้านเบี้ยประกันภัยรับจากธุรกิจประกันชีวิต และเป็นผู้นำตลาดโดยส่วนใหญ่ในภูมิภาค โดยมีสินทรัพย์รวมอยู่ที่ 305 พันล้านเหรียญสหรัฐ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567
กลุ่มบริษัทเอไอเอนำเสนอผลิตภัณฑ์ในการออมเงินระยะยาวและความคุ้มครองชีวิตแก่ลูกค้าบุคคลผ่านผลิตภัณฑ์และบริการที่หลากหลาย ทั้งการประกันชีวิต การประกันภัยอุบัติเหตุและสุขภาพ และการวางแผนทางการเงินในวัยเกษียณ นอกจากนี้ กลุ่มบริษัทเอไอเอยังให้บริการลูกค้าองค์กรผ่านผลิตภัณฑ์สวัสดิการพนักงาน ประกันสินเชื่อ และให้บริการเป็นผู้จัดการกองทุนสำรองเลี้ยงชีพผ่านเครือข่ายตัวแทน พันธมิตรและพนักงานทั่วภูมิภาคเอเชีย โดยเอไอเอมีลูกค้าที่ถือครองกรมธรรม์ประกันชีวิตรายบุคคลที่มีผลบังคับมากกว่า 43 ล้านกรมธรรม์ และเป็นสมาชิกกรมธรรม์ประกันกลุ่มมากกว่า 16 ล้านคน
กลุ่มบริษัทเอไอเอจดทะเบียนในกระดานหุ้นหลักของตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง ภายใต้รหัสหลักทรัพย์ “1299” และ ภายใต้รหัสหลักทรัพย์ “81299” ในกระดานหุ้นหลักของตลาดหลักทรัพย์จีน สำหรับ American Depositary Receipts (ระดับ 1) มีการซื้อขายหลักทรัพย์นอกตลาดหลักทรัพย์ (Over-the-Counter) ภายใต้สัญลักษณ์ “AAGIY”