กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ จัดงาน “Thai Music Meetup – Gan Bei” กิจกรรมส่งเสริมภาพลักษณ์อุตสาหกรรมดนตรีของไทยในไต้หวัน ภายใต้โครงการผลักดัน Soft Power ผ่านธุรกิจบริการศักยภาพ เพื่อผลักดันอุตสาหกรรมดนตรีไทยให้ก้าวสู่เวทีโลก พร้อมสร้างโอกาสเจรจาธุรกิจ คาดสร้างเม็ดเงินสะพัดกว่า 500 ล้านบาทภายใน 5 ปี

ตามแผนงานสนับสนุนอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ของ DITP ในสาขาต่างๆ เช่น หนังสือ เกม ดนตรี และแฟชั่น เพื่อต่อยอดทางการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว โดยเฉพาะตลาดใหม่ๆ พร้อมบทบาทสำคัญในการผลักดันอุตสาหกรรมดนตรีไทยให้สามารถแข่งขันได้ในตลาดต่างประเทศ จึงได้จัดงาน “Thai Music Meetup – Gan Bei” โดยมุ่งเน้นตลาดไต้หวัน

ซึ่ง มีประชากรมากกว่า 23 ล้านคน และมีแนวโน้มการเติบโตของตลาดดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมเพลงดิจิทัล คาดว่าภายในปี 2568 จะมีมูลค่าสูงถึง 1.25 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 45,000 ล้านบาท) โดยร้อยละ 88 ของรายได้มาจาก Music Streaming ศิลปินไทยมียอดรับฟังจากผู้ใช้งานในไต้หวันสูงเป็นอันดับต้นๆ ในเอเชีย และมีการสร้างกระแส (Buzz) พร้อมการประชาสัมพันธ์อย่างเป็นระบบผ่านสื่อออนไลน์ วิทยุ โทรทัศน์ และ Social Media ถือเป็นปัจจัยสนับสนุนที่จำเป็นต่อการผลักดันศิลปินไทยสู่เวทีโลก ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการรับรู้ สร้างฐานแฟนคลับ และสร้าง Country of Origin Branding ให้ศิลปินไทยเป็นที่รู้จักอย่างต่อเนื่อง และเป็นตัวแทนในการส่งเสริมการสร้างภาพลักษณ์ของประเทศในเวทีนานาชาติ
สำหรับงาน “Thai Music Meetup – Gan Bei” จะจัดขึ้นในวันที่ 17 กันยายน 2568 นี้ที่ไต้หวัน โดยมุ่งเน้นส่งเสริมการเจรจาธุรกิจ การสร้างเครือข่ายพันธมิตร และความร่วมมือทางการค้ากับต่างประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มผู้จัดเทศกาลดนตรี ผู้นำเข้าศิลปินไทยและสื่อมวลชน เพื่อเพิ่มโอกาสการเข้าสู่ตลาดต่างประเทศอย่างยั่งยืน
ทั้งนี้ภายในงานแถลงข่าวยังมีการจัดเสวนาพิเศษในหัวข้อ อุตสาหกรรมดนตรีไทยไปไกลได้แค่ไหน โดยได้รับเกียรติจาก คุณนัดส์ เจดีย์ ผู้ก่อตั้ง บริษัท ลาวด์ลี่ พรีเฟอร์ จำกัด กล่าวว่า “การสนับสนุนศิลปินไทยไปแสดงในต่างประเทศ เป็นก้าวสำคัญที่จะผลักดันอุตสาหกรรมดนตรีไทยสู่เวทีโลก ทั้งการสร้างฐานแฟนเพลงใหม่และการเปิดตลาดสากล ขณะเดียวกันการมีพื้นที่แสดงและรางวัลเชิดชูเกียรติภายในประเทศ จะช่วยสร้างแรงบันดาลใจและพัฒนาศิลปินรุ่นใหม่ให้พร้อมก้าวไประดับนานาชาติ”
อุตสาหกรรมดนตรีไทยยังมีศักยภาพสูงในการสร้างรายได้ระดับโลก แต่ก็ยังเผชิญกับอุปสรรคบางประการ โดยเฉพาะข้อจำกัดด้านการเดินทาง การขอวีซ่า และภาษา ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ศิลปินไทยต้องเตรียมความพร้อมอย่างรอบด้าน หากได้รับการสนับสนุนที่เหมาะสมจากภาครัฐและเครือข่ายที่เกี่ยวข้องก็จะช่วยเพิ่มความคล่องตัวและโอกาสในการขยายผลงานสู่เวทีโลกได้อย่างยั่งยืน
ข้อมูลล่าสุดจาก IFPI Global Music Report 2024 สะท้อนชัดว่า อุตสาหกรรมดนตรีของไทยเป็นอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพสูง ในปี 2567 รายได้จากอุตสาหกรรมดนตรีโลกมีมูลค่ากว่า 28.6 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ และยังคงเติบโตต่อเนื่องปีละกว่าร้อยละ 10 สำหรับประเทศไทย อุตสาหกรรมดนตรีมีมูลค่าตลาดกว่า 107 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (หรือ 3,400 ล้านบาท) เติบโตขึ้นถึงร้อยละ 18.1 จากปีก่อนหน้า และได้รับการจัดอันดับว่า เป็นประเทศที่มีรายได้จากอุตสาหกรรมเพลงติดอันดับ 1 ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อันดับที่ 5 ของเอเชีย และอันดับที่ 26 ของโลก ซึ่งสะท้อนว่า อุตสาหกรรมดนตรีของไทยกำลังก้าวสู่บทบาทสำคัญในฐานะ Soft Power ที่สร้างทั้งรายได้ทางเศรษฐกิจและภาพลักษณ์ที่น่าภาคภูมิใจ