สำนักงาน คปภ. หารือภาคธุรกิจประกันภัย เร่งกำหนดมาตรการช่วยเหลือประชาชนจากสถานการณ์อุทกภัยภาคใต้

0
9

เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2568 นายชูฉัตร ประมูลผล เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (เลขาธิการ คปภ.) มอบหมายให้นายอดิศร พิพัฒน์วรพงศ์ รองเลขาธิการ ด้านกฎหมายและตรวจสอบ เป็นประธานการประชุม

โดยมีนายคณานุสรณ์ เที่ยงตระกูล  ผู้ช่วยเลขาธิการ สายคุ้มครองสิทธิประโยชน์ พร้อมผู้แทนจากภาคธุรกิจประกันภัย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม เพื่อ“กำหนดมาตรการช่วยเหลือประชาชนจากสถานการณ์อุทกภัยภาคใต้” ณ ห้องประชุมสถาบันวิทยาการประกันภัยระดับสูง ชั้น 2 สำนักงาน คปภ. ถนนรัชดาภิเษก 

นายอดิศรฯ ได้กล่าวว่า ภายหลังเกิดอุทกภัยครั้งใหญ่ในพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งส่งผลกระทบต่อประชาชนจำนวนมากและ สร้างความเสียหายต่อรถยนต์เป็นวงกว้าง สำนักงาน คปภ. ตระหนักถึงความเดือดร้อนของประชาชนเป็นอย่างยิ่ง จึงได้ประสานความร่วมมือกับบริษัทประกันภัยทุกแห่ง เพื่อร่วมกันเร่งให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มกำลังและทันท่วงที โดยได้ขอความร่วมมือให้ทุกบริษัทประกันภัยจัดส่งรถยกเพื่อเคลื่อนย้ายรถยนต์ที่ได้รับความเสียหายทุกคันโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย และไม่จำกัดว่ารถคันนั้นจะทำประกันภัยกับบริษัทใด     เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนเบื้องต้นและช่วยให้ประชาชนสามารถเข้าถึงความช่วยเหลือได้อย่างเท่าเทียม

นายอดิศร ได้กล่าวต่อไปว่า สำหรับมาตรการด้านการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนจากเหตุอุทกภัย สำนักงาน คปภ. ได้กำหนดมาตรการต่าง ๆ ดังนี้ กรณีประกันภัยรถยนต์ (Motor) สำนักงาน คปภ. ได้กำชับให้บริษัทประกันภัยเร่งรัดการพิจารณาค่าสินไหมทดแทน ให้แล้วเสร็จโดยเร็วที่สุด เพื่อให้ประชาชนได้รับการเยียวยาอย่างทันท่วงที โดย 1) กรณีเสียหายสิ้นเชิง (Total Loss) บริษัทประกันภัยจะดำเนินการจ่ายค่าสินไหมทดแทนภายใน 7 วันนับจากวันที่ได้รับเอกสารครบถ้วน โดยจะจ่ายค่าสินไหมทดแทนเต็มตามทุนประกันที่ระบุไว้ในหน้าตารางกรมธรรม์ หากผู้เอาประกันภัยไม่ประสงค์คืนทุนประกันตามข้อเสนอของบริษัท ผู้เอาประกันภัยสามารถนำรถไปจัดซ่อมเองได้

โดยบริษัทประกันภัยจะดำเนินการจ่ายค่าซ่อมให้ไม่เกิน 70% (ร้อยละเจ็ดสิบ) ของทุนประกัน และคืนเบี้ยคงเหลือตามสัดส่วนจากการยกเลิกกรมธรรม์ให้แก่ผู้เอาประกันภัยด้วย 2) กรณีเสียหายบางส่วน (Partial Loss) บริษัทประกันภัยจะเร่งตรวจสอบ ประเมินความเสียหายและประสานงานกับอู่ซ่อมรถในพื้นที่และจังหวัดใกล้เคียง เพื่อให้สามารถรองรับปริมาณรถที่ได้รับผลกระทบได้อย่างเพียงพอ และเร่งดำเนินการซ่อมแซมให้แล้วเสร็จโดยเร็วที่สุด สำหรับการประกันวินาศภัยประเภทอื่น (Non-Motor) ในเขตพื้นที่ประสบอุทกภัย หรือได้รับอิทธิพลของพายุ ตามรายงานสถานการณ์สาธารณภัยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย กรมธรรม์ประกันอัคคีภัยสำหรับที่อยู่อาศัย    ให้พิจารณาชดใช้ค่าสินไหมทดแทน จำนวนเงิน 20,000 บาท และกรมธรรม์ประกันอัคคีภัย หรือกรมธรรม์ประกันภัยความเสี่ยงภัยทรัพย์สิน ที่ให้ความคุ้มครองภัยน้ำท่วม ให้พิจารณาชดใช้ค่าสินไหมทดแทน จำนวนเงิน 30,000 บาท (ทั้งนี้ ไม่เกินจำนวนเงินความคุ้มครองที่คงเหลืออยู่ ตามกรมธรรม์) สำหรับกรณีมีความเสียหายเกินจำนวนดังกล่าวที่ระบุไว้ ให้ผู้เอาประกันภัยส่งเอกสารหลักฐานเพื่อเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนตามเงื่อนไขกรมธรรม์และให้บริษัทประกันภัยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนภายใน 3 วัน นับแต่ได้รับเอกสารหลักฐานครบถ้วน ส่วนกรมธรรม์ประเภทอื่น ๆ ให้พิจารณาและเร่งรัดการจ่ายค่าสินไหมทดแทนโดยเร็ว ภายใต้ระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด เพื่อให้ประชาชนได้รับการดูแลอย่างทั่วถึงและทันท่วงที

สำหรับกรณีการตรวจสอบข้อมูลการเอาประกันภัยของผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์อุทกภัยนั้น สำนักงาน คปภ. ได้ การบูรณาการ ความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับ นายวิทยา จันทน์เสนะ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา และ พล.ต.อ.สำราญ นวลมา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ  เพื่อขอรายชื่อและเลขบัตรประชาชนของผู้เสียชีวิตที่ผ่านการพิสูจน์อัตลักษณ์แล้ว ซึ่งสำนักงาน คปภ. จะนำมาใช้ตรวจสอบสิทธิ  ความคุ้มครองประกันภัย ผ่านระบบ IBS (Insurance Bureau System) และประสานไปยังบริษัทประกันภัย เพื่อเร่งให้มีการ จ่ายสินไหมทดแทนกับผู้รับประโยชน์หรือทายาทได้เร็วที่สุด ทั้งนี้ ประชาชนที่มีญาติเสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าวก็สามารถติดต่อเพื่อตรวจสอบการมีประกันภัย ผ่านสายด่วน คปภ. 1186 ซึ่งในขณะนี้ เปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง

สำนักงาน คปภ. ขอแสดงความห่วงใยต่อประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยในครั้งนี้ โดยขอเน้นย้ำว่า การออกมาตรการครั้งนี้เป็นการดำเนินการเชิงรุกเพื่อช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ประสบอุทกภัยอย่างเต็มที่ มุ่งให้ผู้เอาประกันภัยได้รับการดูแล คุ้มครองและเยียวยาอย่างรวดเร็วที่สุด พร้อมทั้งกำกับติดตามการปฏิบัติงานของบริษัทประกันภัยทุกแห่งอย่างใกล้ชิด เพื่อให้มาตรการทุกด้านเกิดผลในทางปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม และสามารถบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนผู้ได้รับผลกระทบได้อย่างแท้จริง สะท้อนความมุ่งมั่นของสำนักงาน คปภ. ในการยืนหยัดเคียงข้างประชาชนในทุกสถานการณ์