ไทยเบฟ นำทัพเอกชนขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากกว่า 10 ปี สร้างรายได้สะสม กว่า 3,020 ล้านบาท

0
56

คณะทำงานการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก นำโดย คุณฐาปน สิริวัฒนภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ในฐานะหัวหน้าทีมภาคเอกชน จัดสัมมนาประจำปี 2568 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยมีผู้แทนจากภาครัฐ เอกชน ประชาสังคม สถาบันการศึกษา และเครือข่ายชุมชนเข้าร่วมกว่า 1,000 คน เพื่อร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์ และรับฟังนโยบายใหม่สำหรับการยกระดับเศรษฐกิจฐานรากในอนาคต


เกี่ยวกับรายละเอียดครั้งนี้ คุณฐาปน สิริวัฒนภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ในฐานะหัวหน้าทีมภาคเอกชน ให้ข้อมูลว่า “ในนามหัวหน้าทีมภาคเอกชน ผมรู้สึกยินดี และภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการผลักดันการดำเนินงานของคณะทำงานการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากมาอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 10 โดยได้น้อมนำพระปฐมบรมราชโองการของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่จะทรง “สืบสาน รักษา และต่อยอด และครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งอาณาราษฎรตลอดไป” และหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มาเป็นแนวทางในการขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากของประเทศไทย โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างรายได้แก่ชุมชน และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนให้มีความเป็นอยู่ที่ดียิ่งขึ้น


คณะทำงานการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากได้เดินหน้าพัฒนา 3 กลุ่มงาน อันเป็นรากฐานสำคัญของเศรษฐกิจไทย ได้แก่ เกษตร แปรรูป และท่องเที่ยวโดยชุมชน ด้วยการเพิ่มโอกาสทางการค้า พัฒนาผลิตภัณฑ์ ยกระดับมูลค่าสินค้า และเชื่อมโยงตลาด ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่มุ่งเน้นการเสริมสร้างความแข็งแกร่งจากภายใน พร้อมแสวงหาโอกาสใหม่ ๆ เพื่อพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขัน และนำประเทศไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน ตลอดระยะเวลาของการดำเนินงาน คณะทำงานการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากสร้างงานแก่ชุมชนกว่า 1,800 โครงการ ครอบคลุมผู้รับประโยชน์กว่า 153,000 ครัวเรือน และสร้างรายได้สะสมให้แก่ชุมชนกว่า 3,020 ล้านบาท อีกทั้งยังดึงเอาคนรุ่นใหม่มาร่วมโครงการ เพื่อร่วมพัฒนาท้องถิ่นโดยอาศัยการมีส่วนร่วมการเรียนรู้ และการสร้างสรรค์ความคิดใหม่ ๆ เพื่อแก้ไขปัญหา เติมเต็มภูมิปัญญาดั้งเดิม และสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนอย่างยั่งยืน แสดงให้เห็นถึงพลังความร่วมมือที่เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม เช่น โครงการโรงพยาบาลอาหารปลอดภัย ที่เชื่อมโยงเกษตรกรกับระบบสาธารณสุขเข้าด้วยกัน โครงการผ้าขาวม้าท้องถิ่นหัตถศิลป์ไทย


ผ่านกิจกรรม Creative Young Designer ซึ่งบูรณาการทำงานร่วมกันอย่างเป็นรูปธรรมระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน ชุมชน และสถาบันการศึกษา ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นการต่อยอดผ้าขาวม้าไทยและสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ พร้อมกับยกระดับภูมิปัญญาท้องถิ่นให้ก้าวสู่ตลาดที่กว้างขวางขึ้นอย่างมีคุณค่า “โครงการท่องเที่ยวโดยชุมชน ตามรอยองค์หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต” ที่เปิดโอกาสทางเศรษฐกิจให้แก่ชุมชน และยังทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อม


ในการถ่ายทอดเรื่องราวอันทรงคุณค่าของท้องถิ่นสู่ผู้มาเยือนและคนรุ่นใหม่ พร้อมกันนี้ ยังได้รับการสนับสนุนด้านการสื่อสารผ่านความร่วมมือกับรายการ “ชื่นใจไทยแลนด์” ทางช่องอมรินทร์ทีวี เพื่อประชาสัมพันธ์อัตลักษณ์และเสน่ห์ของชุมชนสู่สายตาสาธารณะ ทำให้ชุมชนกว่า 80 แห่งเป็นที่รู้จักในวงกว้าง และมีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเฉลี่ยปีละ 20-30%


ท้ายที่สุดนี้ ผมขอกราบเรียนให้ทุกท่านทราบว่า คณะทำงานการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากพร้อมมุ่งมั่นที่จะขับเคลื่อนการดำเนินงานในทุกมิติ เพื่อสร้างเศรษฐกิจฐานรากให้เป็นรากฐานที่มั่นคงของประเทศไทยต่อไป ขอขอบคุณพลังความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ที่ร่วมส่งเสริมและพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง พร้อมยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน และชุมชน ควบคู่ไปกับการพัฒนาประเทศ เพราะเราเชื่อว่า
“แรงบันดาลใจจากทุกคน เพื่อชุมชนที่ยั่งยืน”

ขอเชิญเที่ยวชม และสนับสนุนผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นได้ที่ SX Marketplace ชั้น LG Hall 7-8 ในงาน Sustainability Expo 2025 (SX2025) จัดขึ้นระหว่างวันที่ 26 กันยายน – 5 ตุลาคม 2568 เวลา 10.00 – 20.00 น. ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์