“โพลา ประเทศไทย” ตั้งเป้าขยายธุรกิจ ทั่วประเทศไทย มั่นใจ นวัตกรรม เทคโนโลยีล้ำสมัย และบริการสไตล์ญี่ปุ่น ดึงดูดใจลูกค้า

0
810

จุดกำเนิดจาก “ความรัก” อย่างแท้จริง ของ คุณชิโนบุ ซูซูกิ ผู้ก่อตั้งแบรนด์ POLA (โพลา) ที่มีต่อภรรยาที่สังเกตเห็นมือของภรรยาแห้งกร้าน จึงคิดค้นครีมทามือขึ้นเพื่อมอบให้แก่เธอ ผลิตภัณฑ์ที่เกิดจากความใส่ใจนี้ได้กลายเป็นจุดเริ่มต้น จนพัฒนาและเติบโต เป็นอาณาจักรความงามโพลา ที่สืบทอดมาตลอด เวลากว่า 96 ปี
โพลาดำเนินงานภายใต้ปรัชญา “Science. Art. Love.” ที่ผสานวิทยาศาสตร์ ศิลปะ และความรักเข้าด้วยกัน ผ่านการพัฒนาเทคโนโลยีล้ำสมัย และงานออกแบบที่เปี่ยมด้วยเอกลักษณ์ โดยมุ่งมั่นสู่การมอบประสบการณ์ความงามที่ดีที่สุด สำหรับ โพลา ประเทศไทย เพื่อสร้างภาพจำต่อตลาดถึงความเป็นแบรนด์พรีเมี่ยมให้เป็นภาพเดียวเท่ากับที่ประเทศญี่ปุ่น ถึงแม้ว่าท่ามกลางการแข่งขันสูงในตลาดเครื่องสำอางและสกินแคร์ โพลาก็ยังคงยึดมั่นนำเสนอตามมาตรฐานของแบรนด์ เพื่อสู้ศึกการตลาดที่ดุเดือดในประเทศไทย

Mr. Takayuki Suenaga ( ทาคายูกิ ซูเอนางะ ) Director บริษัท โพลาคอสเมติคส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า
“ท่ามกลางเครื่องสำอาง และสกินแคร์ ที่มีอยู่มากมายในตลาด แน่นอนว่าหลาย ๆ แบรนด์ก็จะมีการใช้เทคนิคทางการตลาดที่ต่างกัน เช่น มีการให้ของแถมเยอะ ๆ มีการทำส่วนลด หรือทำโปรโมชั่น ซึ่งทางโพลามองว่าทิศทางนั้นอาจจะไม่เหมาะกับแบรนด์ เพราะมีความเสี่ยงต่อมุมมองของลูกค้าที่มีต่อคุณค่าของแบรนด์ เราจึงเลือกที่จะสู้ด้วยจุดแข็งที่แบรนด์มีอยู่ อย่างเช่น นวัตกรรม และเทคโนโลยีล้ำสมัยต่างๆ ที่เราค้นคว้าวิจัย และพัฒนาเพื่อนำไปสู่การสร้างผลิตภัณฑ์ การคิดค้นนวัตกรรมดูแลผิวของโพลาเป็นสิ่งที่แบรนด์ภาคภูมิใจ และส่งต่ออย่างมั่นใจ เพื่อให้ลูกค้าได้รับรู้ถึงความตั้งใจของแบรนด์ และสัมผัสความคุ้มค่าด้วยประสบการณ์ของตัวเอง ผ่านการให้บริการด้วยศิลปะแห่งการใส่ใจที่ทำให้คนไทยได้สัมผัสเสน่ห์ของการบริการสไตล์ญี่ปุ่น ที่โพลา ประเทศไทย ทำมาตลอด 60 ปี ซึ่งสิ่งเหล่านี้คือจุดแข็งของแบรนด์

ในอดีต โพลา ประเทศไทย เริ่มต้นจาก ธุรกิจ ไดเร็คเซลล์ (Direct Sales) จึงแข็งแกร่ง เติบโตมาด้วยเน็ตเวิร์คที่นำเสนอสินค้าให้กับลูกค้าโดยตรงทั่วประเทศไทย ซึ่งการมีเน็ตเวิร์ค คือผู้จำหน่ายอิสระ ช่วยสนับสนุนให้บริษัทฯ แต่แน่นอนว่าในยุคปัจจุบันต้องมีการพัฒนา ปรับเปลี่ยน ค้นหาแนวธุรกิจแบบใหม่ ๆ เพื่อตอบสนองกับการแข่งขันในตลาดและตอบโจทย์ลูกค้า ปัจจุบันโพลา ประเทศไทยมีช่องทางธุรกิจอยู่ 4 ช่องทาง คือ ไดเร็คเซลล์ ที่เป็นจุดกำเนิดในประเทศไทย และเป็นช่องทางขายที่แบ่งสัดส่วน ประมาณ 70% ของภาพรวมธุรกิจทั้งหมด รองลงมา ก็คือช่องทางการขายรูปแบบเคาน์เตอร์แบรนด์ตามห้างสรรพสินค้า สัดส่วนประมาณ 20% ในปัจจุบันมี 10 สาขา

ซึ่งอยู่ในกรุงเทพฯ ทั้งหมด แล้วก็ Duty Free ใน King Power และช่องทางออนไลน์ประมาณ 10% สำหรับช่องทางเคาน์เตอร์แบรนด์ตามห้างสรรพสินค้า ก็มีแผนการที่จะขยายไปในจังหวัดต่าง ๆ นอกเหนือจากในกรุงเทพฯ แต่ยังต้องศึกษาความต้องการของผู้บริโภค และยังต้องควบคุมการบริการของแบรนด์ให้ได้ตามมาตรฐานอีกด้วย เนื่องด้วยความที่ผลิตภัณฑ์ของโพลาเน้นทางด้านนวัตกรรมที่คิดค้นขึ้นมาในเชิงลึกเพื่อส่งมอบผลลัพธ์จากการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดตามที่เราตั้งใจ เพราะฉะนั้นพนักงานของเราจะต้องมีความสามารถในการบริการ และสื่อสารถึงนวัตกรรมต่าง ๆ ของสินค้าได้อย่างแม่นยำ เพราะในปัจจุบันลูกค้าเคาน์เตอร์แบรนด์ส่วนใหญ่จะศึกษาข้อมูลผลิตภัณฑ์มาเป็นอย่างดี ทำให้ต้องมีการเทรนพนักงานที่ให้บริการอย่างเข้มข้น เพื่อสร้างความเข้าใจในตัวผลิตภัณฑ์ได้อย่างลึกซึ้งจนสามารถอธิบายกลไกการทำงานของผลิตภัณฑ์ให้กับลูกค้าได้ เราจึงให้ความสำคัญกับการเทรนพนักงานเพื่อรักษาคุณภาพบริการ และต้องทำให้แข็งแรงก่อนที่จะขยายออกไปในพื้นที่จังหวัดต่าง ๆ”


สำหรับครั้งนี้ โพลา ได้จัดงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์จากแบรนด์ระดับสูงสุดของโพลา ซึ่งก็คือแบรนด์ B.A (Bio-Active) ที่ใช้ทฤษฎี ไบโอ แอคทีฟ ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ออกสู่อุตสาหกรรมความงามมาหลายรุ่นอย่างต่อเนื่องมากว่า 40 ปี จนมาถึงรุ่นที่ 7 รุ่นที่เปิดตัวด้วยสโลแกน “Empowering Beauty to Transcend Time.” “เพิ่มพลังความงามให้ก้าวข้ามกาลเวลา” ด้วยแนวคิดการเสริมศักยภาพของเซลล์ตามธรรมชาติของแต่ละบุคคลให้โดดเด่นยิ่งขึ้น โดยมุ่งเน้นไปที่การมอบผลลัพธ์ของผิวที่ชุ่มชื้น อิ่มฟู เปล่งประกาย และรู้สึกแน่นกระชับ เพื่อเผยความอ่อนเยาว์เหนือกาลเวลาโดยไม่คำนึงถึงอายุ ความใส่ใจนี้ยังส่งผ่านไปถึงตัวบรรจุภัณฑ์โทนสีดำ “Inclusion Black” ที่รวมทุกสีเข้าด้วยกัน สื่อถึงความเป็นไปได้ที่ไม่สิ้นสุด ถ่ายทอดผ่านรูปทรงโค้งมน ปราศจากเส้นตรง ซึ่งสะท้อนถึงความงาม ความแตกต่าง และการเปลี่ยนแปลงได้อย่างอิสระ


นอกจากนี้ โพลายังได้ต่อยอดสู่แบรนด์เฉพาะทางอีกหลากหลาย อาทิ Wrinkle Shot (ริงเคิล ช็อท) ผลิตภัณฑ์ที่มุ่งเน้นการดูแลและลดเลือนริ้วรอย ทั้งยังมีผลิตภัณฑ์ White Shot (ไวท์ ช็อท) เพื่อการดูแลผิวให้แลดูกระจ่างใสอย่างเป็นธรรมชาติ รวมถึงผลิตภัณฑ์อีกมากมายที่สะท้อนความเชี่ยวชาญและความมุ่งมั่นของโพลาในการดูแลผิวอย่างแท้จริง


ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกชะลอตัว ผู้บริหาร โพลา ไทยแลนด์ ยังบอกด้วยว่า แน่นอนว่ามีผลกระทบกับเรื่องของปริมาณการซื้อต่อบิลที่อาจจะต่ำลงจากปีก่อนหน้าเนื่องจากผู้บริโภคระมัดระวังเรื่องการใช้จ่าย แต่ทั้งนี้แบรนด์ยังมองว่าการให้ความสำคัญในเรื่องของบริการและผลลัพธ์ของผลิตภัณฑ์ที่ลูกค้าได้รับ จะยังทำให้เกิดการซื้ออย่างต่อเนื่อง ซึ่งเชื่อว่าเมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัวขึ้น กำลังซื้อก็จะปรับตัวสูงขึ้นตามมาเช่นกัน


สำหรับผลประกอบการปี 2024 แม้ภาพรวมยอดขายจะทรงตัวใกล้เคียงกับปีก่อน เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวซึ่งส่งผลกระทบต่อช่องทาง duty free อย่างไรก็ตามหากแยกตามช่องทางการจัดจำหน่ายแล้วนั้นจะเห็นได้ว่าช่องทางเคาน์เตอร์แบรนด์ ซึ่งเป็นช่องทางหลักที่เราให้ความสำคัญ มียอดขายเติบโต 103% เมื่อเทียบกับปีก่อน และช่องทาง EC ที่เราเริ่มขยายอย่างจริงจังในปี 2024 ก็สามารถสร้างการเติบโตได้สูงถึง 157%