เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 28 ต.ค. 2568 ที่โรงแรมทีเค.พาเลซ แอนด์ คอนเวนชั่น แบงคอก กรุงเทพฯ สำนักงานกองทุนสนับสนุนสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กระทรวงศึกษาธิการ กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย และเมืองพัทยา มูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน และเครือข่ายละครเพื่อการเรียนรู้ 5 ภูมิภาค จัดเวทีสาธารณะ “เชื่อมพลังครู สานต่อวิถีเรียนรู้วิชาชนะมาร” ภายใต้โครงการพัฒนากระบวนการเรียนรู้วิชาชนะมาร สำหรับนักเรียนประถมศึกษาตอนปลาย และมัธยมศึกษาตอนต้น

นพ.พงศ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลย์ ผู้จัดการกองทุน สสส. กล่าวว่า ขณะนี้มีเด็กและเยาวชนเปรียบเหมือนมีมารอยู่รอบตัว จากการถูกชักชวนให้เข้าไปเกี่ยวข้องกับปัจจัยเสี่ยง ทั้งบุหรี่ไฟฟ้า พนันออนไลน์ และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ในปี 2567 มีเยาวชนสูบบุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นถึง 5.3 เท่า ส่วนหนึ่งมาจากกลลุทธ์การตลาดแบบล่าเหยื่อ ที่ออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ล่อใจเด็ก เช่น เป็นตุ๊กตา “ทอยพอด” หรือล่าสุดก็ทำมาในรูปลักษณ์เหมือนยาดม ที่เรียกกันว่า “พอดจมูก” เด็ก ๆ หารู้ไม่ว่า ในบุหรี่ไฟฟ้า 1 แท่ง มีนิโคตินเข้มข้นและอันตรายมากเทียบเท่าการสูบบุหรี่ 20 มวน ส่วนการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของเด็กเยาวชน พบว่า 33.06% มีการดื่มแล้วขับ นำมาสู่การเกิดอุบัติเหตุและเสียชีวิตก่อนวัยอันควร ขณะที่พนันออนไลน์ก็แพร่ระบาดมาถึงตัวเด็ก ผลสำรวจ 2 ปีก่อนหน้านี้ พบว่า 32.3% ของเด็กเยาวชนคนรุ่นใหม่เล่นการพนันออนไลน์ เฉลี่ยคนละ 1,633 บาทต่อเดือน คิดเป็นเงินที่ถูกล่อลวงถึง 58,675 ล้านบาท

“เมื่อเด็กเหล่านี้เข้าสู่วงจรกับดักของสิ่งเสพติด และอบายมุข จะเกิดภาวะเครียด โดดเดี่ยว และมีปัญหาความสัมพันธ์ จึงมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดพฤติกรรมดำดิ่งสู่โรคซึมเศร้า เกิดการเจ็บป่วยทั้งทางกายและจิตใจ ผู้ปกครอง โรงเรียน ครู และคนรอบตัวเด็ก ต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด” ผู้จัดการกองทุน สสส. กล่าว
นพ.พงศ์เทพ กล่าวต่อว่า สสส. สนับสนุนโครงการ “ชนะมาร” ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 นำกระบวนการเรียนรู้ผ่านศาสตร์และศิลป์ของ “ละครเพื่อการเรียนรู้” ร่วมกับการพัฒนา “คู่มือครูชนะมาร” เป็นแนวทางให้ครูนำไปสร้างภูมิรู้เท่าทันปัจจัยเสี่ยงให้กับนักเรียน ผ่านการจำลองสถานการณ์ ฝึกคิด วิเคราะห์ และแก้ปัญหา มุ่งส่งเสริมความรอบรู้ทางสุขภาวะ ให้เกิดสุขภาวะที่ดีจากภายในจิตใจสู่ โครงการปีที่ 1 มีโรงเรียนเข้าร่วมทั้งหมด 200 แห่งทั่วประเทศ ส่งต่อคู่มือชนะมารถึงมือครูกว่า 200 คน และสนับสนุนนักเรียนแกนนำไม่น้อย 500 คน ให้เป็น “นักสื่อสารสุขภาวะ” บอกต่อความรู้ต่อเพื่อน ๆ สสส. เล็งเห็นว่าโครงการนี้สามารถนำไปบูรณาการในระบบการศึกษาและช่วยตอบตัวชี้วัดของสถานศึกษาได้หลายโครงการ เช่น โครงการ To Be Number One โครงการสถานศึกษาสีขาว โครงการเรียนดีมีสุข โครงการโรงเรียนส่งเสริมสุขภาพ และโครงการโรงเรียนปลอดบุหรี่ ถือเป็นการขับเคลื่อนงานเชิงรุก ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและส่งเสริมศักยภาพครูและนักเรียนแกนนำ สร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงพฤติกรรมของเด็กและเยาวชนอย่างยั่งยืน

นายณรงค์ศักดิ์ โพธิ์อ่อง รองผู้อำนวยการบริหารความสุขและความปลอดภัย สพฐ. กล่าวว่า “กระบวนการเรียนรู้วิชาชนะมารสอดคล้องกับนโยบาย “เรียนดี มีสุข” ของกระทรวงศึกษาธิการ มุ่งเน้นการสร้างสภาพแวดล้อมในสถานศึกษาให้เป็นพื้นที่ปลอดภัยที่เอื้อต่อการเรียนรู้ มีเครือข่ายกลไกดูแลเยียวยา ปกป้องอย่างเข้มแข็ง และมุ่งสร้างภูมิคุ้มกันให้นักเรียน ครู และบุคลากรทางการศึกษาเท่าทันปัจจัยเสี่ยง ไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด ด้วยการขับเคลื่อนผ่านมาตรการ 3 ป. คือ 1.ป้องกัน ไม่ให้เกิดปัญหาที่ไม่ปลอดภัย 2.ปลูกฝัง เสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจ จิตสำนึก ประสบการณ์ที่ดีให้เกิดเป็นทักษะชีวิต 3.ปราบปราม จัดการแก้ไขปัญหา ช่วยเหลือเยียวยา ฟื้นฟูผู้ได้รับผลกระทบ และส่งต่อด้านกฎหมาย เพื่อให้เด็กและเยาวชนเติบโตเป็นพลเมืองคุณภาพ มีสุขภาวะที่ดี และสามารถดำรงชีวิตในสังคมได้อย่างยั่งยืน
ดร.สมเดียว เกตุอินทร์ รองศึกษาธิการอุตรดิตถ์ กล่าวว่า โครงการชนะมารเป็นเครื่องมือการเรียนรู้ที่เน้น Active Learning ให้นักเรียนมีส่วนร่วมในการเรียนรู้ด้วยตนเอง ในรูปแบบของละครสร้างสรรค์ โดยสำนัก กิจกรรรมกิ่งก้านใบ ควบคู่กับกระบวนการเรียนรู้หลังชมละครที่ถูกออกแบบมาให้เป็นการตั้งคำถาม ชวนคิด ชวนคุยเพื่อสร้างภูมิรู้เท่าทันปัจจัยเสี่ยง จัดว่าเป็นการเรียนรู้ที่มีชีวิตไม่ใช่เพียงการมาจัดบอร์ดนิทรรศการหรือการจดบันทึกวิชาการในห้องเรียนเพียงอย่างเดียว การได้มาทำงานร่วมกับโครงการชนะมาร ช่วยยืนยันว่าเครือข่ายโรงเรียนและครู เราไม่ได้เดินเพียงลำพังคนเดียว เรายังมีเพื่อน มีเครือข่ายสร้างการเรียนรู้ ที่ค่อยช่วยซัพพอร์ตกันและกันเพื่อดูแล ปกป้องเด็กเยาวชนให้ปลอดภัยจากสิ่งเสพติด และปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ

นางนัฏศจี ทองเหลี่ยม ตัวแทนพ่อแม่ผู้ปกครอง กล่าวว่า ปัจจุบันเด็กถูกล่อหลอกเข้าหาอบายมุขต่าง ๆ ง่ายมาก เมื่อพ่อแม่รู้เข้า ก็มักจะเครียด รู้สึกเสียใจ และโมโหมาก อยากจะระเบิดอารมณ์ใส่ลูก พ่อแม่ยุคนี้จึงต้องการพื้นที่เรียนรู้ เพื่อพัฒนาทักษะการสื่อสารพลังบวก มีสติ ทบทวนอารมณ์ความรู้สึกตนเอง และหาวิธีพูดคุยแบบเปิดใจกับลูกของตน ใช้เวลาคุณภาพร่วมกัน เป็นพื้นที่ปลอดภัยให้กันและกัน ดูแลกันจนลูกสามารถห่างจากปัจจัยเสี่ยงได้ในที่สุด เมื่อได้มีโอกาสมารู้จักกับโครงการชนะมาร ของสสส. ที่สร้างการเรียนรู้ผ่านเครื่องมือละคร ช่วยต่อยอดให้เด็กได้นำมาคิดวิเคราะห์เรียนรู้ แล้วบอกต่อเรื่องราว เด็กจะมีคุณค่าในตนเอง ขณะเดียวกันผู้ปกครองก็จะเห็นคุณค่าในตัวลูกด้วยเช่นกัน


























