
นายสุธัช เรืองสุทธิภาพ นายกสมาคมการค้าผู้ประกอบธุรกิจสินเชื่อทะเบียนรถ (VTLA) แสดงความเห็นด้วยและสนับสนุนแนวคิดของ คุณวรภัค ธันยาวงษ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง และ อดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย ที่ได้กล่าวถึงแนวทางการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบอย่างยั่งยืนว่า “Risk-Based Pricing คืออนาคตของสินเชื่อไทย ‘เสี่ยงสูงกู้ได้ เสี่ยงต่ำกู้ถูกลง’… นี่คือการปฏิวัติวิธีคิดเรื่องความยุติธรรมทางการเงิน”
นายสุธัช กล่าวว่า “สมาคมฯ เห็นด้วยอย่างยิ่งกับแนวทางดังกล่าว เพราะหัวใจของปัญหาหนี้นอกระบบที่พวกเราทุกคนอยากแก้ไข คือการที่พี่น้องประชาชนจำนวนมากไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบได้ เราต้องยอมรับความจริงที่น่าเจ็บปวดว่า ไม่มีใครอยากเป็นหนี้นอกระบบหากพวกเขามีทางเลือก แต่ทุกวันนี้หลายคนถูกปฏิเสธจากผู้ให้สินเชื่อในระบบ ไม่ใช่เพราะผู้ให้บริการไม่อยากช่วย แต่เพราะโครงสร้างดอกเบี้ยปัจจุบันไม่เอื้อให้ทำเช่นนั้นได้”
“ลองนึกภาพตามนะครับ ผู้ให้บริการสินเชื่อก็เหมือนธุรกิจทั่วไป มีต้นทุน ทั้งค่าพนักงาน ค่าสาขา และที่สำคัญที่สุดคือความเสี่ยงที่ลูกหนี้บางรายอาจไม่สามารถชำระคืนได้ การกำหนดอัตราดอกเบี้ยเพดานเดียวสำหรับทุกคน ทำให้เมื่อเจอลูกค้าที่มีความเสี่ยงสูง หากผู้ให้บริการปล่อยกู้ที่เพดานดอกเบี้ยนั้น ก็จะขาดทุน ผลลัพธ์ที่น่าเศร้าคือ พวกเขาจำเป็นต้องปฏิเสธลูกค้ากลุ่มนี้ไปทั้ง ๆ ที่ไม่อยากทำ และผลักให้พวกเขาต้องหันไปหาหนี้นอกระบบอย่างไม่มีทางเลือก”
แนวคิด “การกำหนดอัตราดอกเบี้ยตามความเสี่ยง” (Risk-Based Pricing) จะเข้ามาแก้ปัญหานี้โดยตรง หลักการทำงานนั้นเรียบง่ายและเป็นธรรมอย่างยิ่ง กล่าวคือ :
• สำหรับผู้กู้ที่มีความเสี่ยงต่ำ : หรือมีประวัติการชำระหนี้ที่ดี จะได้รับอัตราดอกเบี้ยที่ “ถูกลง” เป็นรางวัลสำหรับวินัยทางการเงิน
• สำหรับผู้กู้ที่มีความเสี่ยงสูงกว่า : เช่น ผู้ประกอบอาชีพอิสระ หรือผู้ที่ไม่มีเอกสารรายได้ชัดเจน ฯลฯ แทนที่จะถูกปฏิเสธเหมือนเช่นเคย พวกเขาจะยังคง “มีโอกาสกู้ได้” ในอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นตามระดับความเสี่ยงที่ประเมิน ซึ่งยังมีอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าสินเชื่อนอกระบบหลายเท่าตัว และปลอดภัยกว่าเพราะปฏิบัติตามหลักเกณฑ์กำกับฯ

ด้าน นายปิยะศักดิ์ อุกฤษฎ์นุกูล เลขาธิการสมาคมฯ ให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า “การกำหนดอัตราดอกเบี้ยตามความเสี่ยง (Risk-Based Pricing) จะไม่ส่งผลให้ภาพรวมการคิดอัตราดอกเบี้ยสูงกว่าค่าเฉลี่ยในปัจจุบัน เนื่องจากผู้กู้ที่มีความเสี่ยงต่ำจะได้รับดอกเบี้ยถูกลง แต่อาจมีผู้กู้ที่มีความเสี่ยงสูงบางรายที่ผู้ประกอบการจำเป็นต้องคิดอัตราดอกเบี้ยเกินกว่าที่เพดานกำหนด เพื่อช่วยให้ผู้กู้เหล่านั้นสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบได้ และยังเป็นการช่วยให้ภาครัฐสามารถขยายฐานการเข้าถึงสินเชื่อในระบบเพิ่มขึ้นได้อีกด้วย”
“นอกจากนี้ Risk-Based Pricing ยังถือเป็นส่วนหนึ่งของหลักการใหญ่ที่เรียกว่า ‘การกำหนดอัตราดอกเบี้ยตามต้นทุน’ (Cost-Based Pricing) ซึ่งสะท้อนค่าใช้จ่ายจริง ๆ ของการให้บริการสินเชื่อ ไม่ว่าจะเป็นเงินเดือนพนักงาน การฝึกอบรมเพื่อให้มีมาตรฐาน การลงทุนเปิดสาขา ระบบไอทีเพื่อวิเคราะห์ความเสี่ยง ตลอดจนค่าใช้จ่ายเพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปตามเกณฑ์ของภาครัฐ ต้นทุนเหล่านี้แตกต่างกันไปในแต่ละผู้ให้บริการ การนำปัจจัยเหล่านี้มาพิจารณาในการกำหนดอัตราดอกเบี้ย จะช่วยให้เราสามารถส่งเสริมการเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบให้แก่ประชาชนได้อย่างยั่งยืน และเป็นกุญแจสำคัญในการลดการพึ่งพาเงินกู้นอกระบบได้”
นายสุธัช กล่าวสรุป “นี่คือการสร้างความยุติธรรมและเปิดประตูโอกาสทางการเงิน มันคือการให้โอกาสคนได้เริ่มต้นสร้างเครดิตในระบบ เมื่อพวกเขามีประวัติการผ่อนชำระที่ดี ต่อไปก็จะสามารถเข้าถึงดอกเบี้ยที่ถูกลงได้ในอนาคต เราต้องไม่ลืมว่า การเป็นหนี้ในระบบนั้นดีกว่าการเป็นหนี้นอกระบบเสมอ เพราะมีกฎหมายคุ้มครอง มีสัญญาที่ชัดเจน และมีเส้นทางให้เดินไปสู่อนาคตทางการเงินที่ดีกว่าเดิมได้ แนวทางนี้คือเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยดึงคนกลับจากวงจรหนี้นอกระบบได้อย่างแท้จริงและยั่งยืน และเราเชื่อว่าหลักการนี้ควรถูกนำไปพิจารณาใช้กับสินเชื่อผู้บริโภคทุกประเภท เพื่อแก้ปัญหาหนี้ในภาพรวมของประเทศ”
สมาคมการค้าผู้ประกอบธุรกิจสินเชื่อทะเบียนรถ (VTLA) สมาคมฯ ประกอบด้วยสมาชิกผู้ประกอบธุรกิจสินเชื่อทะเบียนรถ 16 บริษัท ซึ่งได้รับใบอนุญาตและอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีเครือข่ายสาขารวมกันกว่า 18,000 แห่งทั่วประเทศ พร้อมเป็นแหล่งเงินทุนที่โปร่งใสและเป็นธรรมให้กับประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มที่อาจไม่สามารถเข้าถึงบริการจากสถาบันการเงินทั่วไปได้ (Underbanked) ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.vtla.or.th