
ศาสตราจารย์ ดร. ศุภชัย ปทุมนากุล ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ร่วมกล่าวปาฐกถาพิเศษ (Speaker) ในการประชุมหัวข้อ “Path to Sustainability toward a Zero Carbon Society” ในพิธีเปิดงาน Science and Technology in Society (STS forum 2025) ร่วมกับผู้นำระดับสูงจากนานาประเทศ จำนวน 6 ท่าน ได้แก่
- Mr. Masato Kanda, President and Chairperson of the Board of Directors, Asian Development Bank, The Philippines
- Mr. Claude Imauven, Chairman of the Board of Directors, Orano, France
- Dr. Munir M. Eldesouki, President, King Abdulaziz City for Science and Technology (KACST), Saudi Arabia
- Mr. Ahmad O. Al-Khowaiter, Executive Vice President, Technology and Innovation, Aramco, Saudi Arabia และ
- Mr. Arihiko Kato, President and CEO, Atomic Energy Association (ATENA), Japan
- Mr. Matsuo Takehiko, Vice Minister for International Affairs at the Ministry of Economy, Trade and Industry, Japan
โดยมี Ms. Deborah L. Wince-Smith, President & CEO, Council on Competitiveness; President, Global Federation of Competitiveness Councils, USA ทำหน้าที่เป็นประธาน (Chair) ของการประชุม

พร้อมกันนี้ ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ คณะผู้บริหารวช. ผู้ทรงคุณวุฒิวช. เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน พร้อม Young Researcher ของ NRCT เข้าร่วมรับฟัง
ศาสตราจารย์ ดร.ศุภชัย ปทุมนากุล ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
กล่าวถึงความท้าทายในการลดการปล่อยคาร์บอน การสร้างความมั่นคงด้านพลังงานในอนาคตและการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญของประเทศไทย พร้อมย้ำว่ากระทรวง อว. ให้ความสำคัญกับการวิจัยและพัฒนา โดยจัดสรรงบประมาณกว่า 30% มุ่งเน้นการวิจัยเพื่อความยั่งยืน และการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม อาทิ
- การพัฒนาเกษตรอัจฉริยะ (Smart Agriculture) ที่ขับเคลื่อนด้วย AI เพื่อการใช้น้ำและปุ๋ยอย่างมีประสิทธิภาพ
- การผลิตพลาสติกชีวภาพทดแทนวัสดุจากฟอสซิล
- การพัฒนาระบบกักเก็บพลังงานแบตเตอรี่ที่มีประสิทธิภาพ เพื่อรองรับการใช้พลังงานหมุนเวียนในภาคอุตสาหกรรม
ทั้งนี้ ปลัดกระทรวง อว. กล่าวเน้นย้ำว่าวิทยาศาสตร์และนวัตกรรมเป็นเครื่องมือสำคัญในการเร่งขับเคลื่อนประเทศไทยสู่เป้าหมาย “ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี ค.ศ. 2050 และการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emission) ภายในปี ค.ศ. 2070” ผ่านกลยุทธ์ที่เชื่อมโยงกับการปฏิบัติจริง
การดำเนินงานเชิงอภิปรายในครั้งนี้ มีเป้าหมายเพื่อแลกเปลี่ยนแนวทางสู่การลดก๊าซคาร์บอนและก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ รวมถึงการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม และการส่งเสริมพลังงานหมุนเวียน โดยอาศัยความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ปัญญาประดิษฐ์ และความร่วมมือระหว่างประเทศ เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาซ้ำซ้อนเชิงระบบ อาทิ ด้านอาหาร พลังงาน และน้ำ พร้อมทั้งผลักดันการเปลี่ยนผ่านไปสู่การใช้พลังงานสะอาดอย่างยั่งยืนในอนาคต
ศาสตราจารย์ ดร.ศุภชัย ปทุมนากุล ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
กล่าวถึงความท้าทายในการลดการปล่อยคาร์บอน การสร้างความมั่นคงด้านพลังงานในอนาคตและการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญของประเทศไทย พร้อมย้ำว่ากระทรวง อว. ให้ความสำคัญกับการวิจัยและพัฒนา โดยจัดสรรงบประมาณกว่า 30% มุ่งเน้นการวิจัยเพื่อความยั่งยืน และการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม อาทิ
- การพัฒนาเกษตรอัจฉริยะ (Smart Agriculture) ที่ขับเคลื่อนด้วย AI เพื่อการใช้น้ำและปุ๋ยอย่างมีประสิทธิภาพ
- การผลิตพลาสติกชีวภาพทดแทนวัสดุจากฟอสซิล
- การพัฒนาระบบกักเก็บพลังงานแบตเตอรี่ที่มีประสิทธิภาพ เพื่อรองรับการใช้พลังงานหมุนเวียนในภาคอุตสาหกรรม
ทั้งนี้ ปลัดกระทรวง อว. กล่าวเน้นย้ำว่าวิทยาศาสตร์และนวัตกรรมเป็นเครื่องมือสำคัญในการเร่งขับเคลื่อนประเทศไทยสู่เป้าหมาย “ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี ค.ศ. 2050 และการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emission) ภายในปี ค.ศ. 2070” ผ่านกลยุทธ์ที่เชื่อมโยงกับการปฏิบัติจริง
การดำเนินงานเชิงอภิปรายในครั้งนี้ มีเป้าหมายเพื่อแลกเปลี่ยนแนวทางสู่การลดก๊าซคาร์บอนและก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ รวมถึงการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม และการส่งเสริมพลังงานหมุนเวียน โดยอาศัยความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ปัญญาประดิษฐ์ และความร่วมมือระหว่างประเทศ เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาซ้ำซ้อนเชิงระบบ อาทิ ด้านอาหาร พลังงาน และน้ำ พร้อมทั้งผลักดันการเปลี่ยนผ่านไปสู่การใช้พลังงานสะอาดอย่างยั่งยืนในอนาคต