วันที่ 24 ตุลาคม 2568 สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ(วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม จัดการประชุมแลกเปลี่ยนแนวทางการพัฒนาระบบขนส่งของจังหวัดสุโขทัย ที่ดำเนินการภายใต้โครงการ “การพัฒนาแผนที่นำทางสำหรับการขนส่งที่ชาญฉลาดและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม จังหวัดสุโขทัยและจังหวัดตาก” โดย วช.ได้สนับสนุนการวิจัยให้แห่มหาวิทยาลัยนเรศวร ในการดำเนินการ โดยการประชุมมี ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ เป็นประธานเปิดการประชุม
ภายในงานได้รับเกียรติจาก นางสาวสลินรัตน์ เกิดสกุลรุ่งโรจน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย, นางสาวศิรินทร์พร เดียวตระกูล รองผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ, ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เจษฎา โพธิ์จันทร์ หัวหน้าโครงการวิจัย, รองศาสตราจารย์ ดร.ภูพงษ์ พงษ์เจริญ นักวิจัย รวมทั้งผู้แทนจากภาครัฐและภาคเอกชน เข้าร่วมประชุมและให้การต้อนรับ ณ สุโขทัย เฮอริเทจ รีสอร์ท อำเภอสวรรคโลก จังหวัดสุโขทัย

ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง กล่าวว่า โครงการดังกล่าวเป็นการดำเนินงานระยะที่ 3 ตามแนวระเบียงเศรษฐกิจหลวงพระบาง–อินโดจีน–เมาะลำไย (LIMEC) ครอบคลุมพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง 1 ได้แก่ อุตรดิตถ์ พิษณุโลก เพชรบูรณ์ สุโขทัย และตาก โดย วช. เล็งเห็นถึงความสำคัญของการพัฒนาระบบขนส่งและโลจิสติกส์ที่เชื่อมโยงกันอย่างไร้รอยต่อและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม จึงได้ให้การสนับสนุนทุนวิจัยอย่างต่อเนื่อง เพื่อวางแนวทางการพัฒนาอย่างเป็นระบบและยั่งยืน ทั้งนี้เชื่อมั่นว่าโครงการจะเป็นกลไกสำคัญในการยกระดับศักยภาพทางเศรษฐกิจของพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง 1 และสนับสนุนการพัฒนาประเทศในภาพรวม
นางสาวสลินรัตน์ เกิดสกุลรุ่งโรจน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย กล่าวว่า จังหวัดสุโขทัยยินดีที่ได้เป็นพื้นที่นำร่องของโครงการฯ ซึ่งถือเป็นโอกาสสำคัญในการร่วมกันวางรากฐานโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งให้มีความทันสมัย ปลอดภัย และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจของภูมิภาค อันจะช่วยเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของจังหวัดสุโขทัยและพื้นที่ใกล้เคียงในแนวระเบียงเศรษฐกิจ LIMEC ตลอดจนเอื้อต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในระยะยาว

ภายในงานมีการนำเสนอรายละเอียดของโครงการโดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เจษฎา โพธิ์จันทร์ และการรับฟังความคิดเห็นจากภาคส่วนต่าง ๆ โดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ สุดารัตน์ รัตนพงษ์ เพื่อร่วมกันหาแนวทางพัฒนาระบบขนส่งที่สอดคล้องกับบริบทของพื้นที่อย่างแท้จริง
การประชุมหารือในครั้งนี้ได้รับความร่วมมือจากหลายภาคส่วน ทั้งภาครัฐและเอกชน สะท้อนให้เห็นถึงความตระหนักและความมุ่งมั่นร่วมกันในการขับเคลื่อนการพัฒนาระบบขนส่งและโลจิสติกส์อย่างยั่งยืน ซึ่งจะเป็นรากฐานสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมของภูมิภาคในอนาคต






































