โรงพยาบาลนครธน ชูศักยภาพความพร้อมรองรับการขยายตัวของเมือง อุตสาหกรรม และการเปลี่ยนแปลงสู่สังคมผู้สูงอายุระดับสุดยอด ด้วย 2 โครงการใหญ่ โรงพยาบาลนครธน 2 และโครงการนครธน ลองไลฟ์ เซ็นเตอร์ (Nakornthon Long Life Center) ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุและผู้มีภาวะพึ่งพิงแบบองค์รวม ตามวิสัยทัศน์ มุ่งมั่นสู่ความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง ตามมาตรฐานสากล และให้การดูแลด้วยหัวใจความเป็นมนุษย์

รศ.ญาณเดช ทองสิมา ประธานกรรมการ บริษัท โรงพยาบาลนครธน จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ตลอดเส้นทางการเดินทางของโรงพยาบาลนครธนนับจากอดีตจนถึงปัจจุบันมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง แม้ผ่านวิกฤตมาหลายครั้ง ทั้งภาวะอัตราดอกเบี้ยแพง น้ำท่วมใหญ่ วิกฤตโรคโควิด-19 แต่โรงพยาบาล ยังยึดมั่นการให้บริการประชาชนในพื้นที่ชั้นนอกของกรุงเทพฯ ฝั่งตะวันตก ตอนนี้ถึงเวลาที่ต้องมองไปให้ไกลขึ้น มองไปถึงอนาคต

“เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม ที่เราจะขยายธุรกิจ โรงพยาบาลนครธน 2 ตั้งอยู่บริเวณถนนเอกชัย-บางบอน บนที่ดินกว่า 6 ไร่ งบประมาณการลงทุน 900 ล้านบาท ซึ่งพื้นที่ตรงนี้ถือเป็นประตูด่านแรกก่อนจะเดินทางเข้ามาในพื้นที่กรุงเทพฯ ชั้นใน ที่สามารถรองรับการขยายตัวของเมือง โดยเฉพาะกลุ่มคนทำงานในย่านเพชรเกษม บางแค รวมถึง แรงงานในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร ด้วยการคมนาคมที่สะดวกสบาย โดยโรงพยาบาลนครธน 2 เป็นโรงพยาบาลขนาด 151 เตียง พร้อมเปิดให้บริการในปีแรก จำนวน 102 เตียง ซึ่งปัจจุบันดำเนินการก่อสร้างไปแล้วประมาณ 57% คาดว่าจะพร้อมเปิดให้บริการ ประมาณปลายปี 2568 และเปิดให้บริการกลุ่มผู้ประกันตนตามสิทธิประกันสังคมในปี 2570” รศ.ญาณเดช กล่าว

พญ.ศิเรมอร ทองสิมา ผู้อำนวยการสายงานแพทย์ โรงพยาบาลนครธน กล่าวถึง รพ.นครธน ว่า “โรงพยาบาลนครธน ให้ความสำคัญกับการพัฒนาคุณภาพการให้บริการทางการแพทย์อย่างต่อเนื่อง จนกลายเป็นโรงพยาบาลชั้นนำของพื้นที่กรุงเทพมหานครฝั่งตะวันตก มีความพร้อมในด้านเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ทันสมัย และมีบุคลากรทางการแพทย์ทั้งในสาขาอายุรศาตร์เฉพาะทาง และในสาขาเฉพาะทางอื่นๆ ที่สามารถให้การรักษาโรคยากซับซ้อนได้ และเมื่อต้นปี 2568 รพ.นครธน ยังได้รับการรับรองมาตรฐานระดับสากล AACI (American Accreditation Commission International) ซึ่งสร้างความมั่นใจในการเข้ารับบริการทั้งชาวไทย และต่างชาติ ตามวิสัยทัศน์ “โรงพยาบาลนครธน มุ่งมั่นสู่ความเชี่ยวชาญเฉพาะทางตามมาตรฐานสากล และให้การดูแลด้วยหัวใจความเป็นมนุษย์”

อุตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจร (Medical Hub)
New S-Curve เครือโรงพยาบาลนครธน และประเทศไทย อุตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจร อยู่ในหมวดอุตสาหกรรมอนาคต หรือ New S-Curve ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์สำคัญของการพัฒนาชาติ เพราะเป็นอุตสาหกรรมที่สามารถต่อยอดได้จากธุรกิจการรักษาพยาบาล และการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพที่ไทยมีฐานที่แข็งแรง ขณะเดียวกันยังต้องได้รับการพัฒนาและส่งเสริมจากภาครัฐในด้านการวิจัย รวมทั้งการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้ในทางการแพทย์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพอุตสาหกรรมการแพทย์ในทุกมิติ
ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี หรือ ttb analytics ประเมินธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนปี 2568 ว่าจะมีรายได้รวมราว 3.3 แสนล้าน จากจำนวนผู้เข้ารับบริการทางการแพทย์เริ่มอิ่มตัว และแรงกดดันจาก Copayment ที่อาจส่งผลกระทบในระยะยาว หนุนทำธุรกิจเชิงรุกเพิ่มโอกาสสร้างรายได้ที่สูงขึ้นและขยายฐานตลาดใหม่ ๆ
แผนการขยายธุรกิจของโรงพยาบาลนครธน โดยโครงการ นครธน ลองไลฟ์ เซ็นเตอร์ ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุและผู้มีภาวะพึ่งพิงแบบองค์รวม เป็นหนึ่งในเป้าหมายการเพิ่มศักยภาพด้านการให้บริการที่ครอบคลุมทุกช่วงวัยมากยิ่งขึ้นและสอดรับกับการเปลี่ยนแปลงทางสังคมในเชิงโครงสร้าง นั่นคือการเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยระดับสุดยอดของไทย
พญ.ศิเรมอร ทองสิมา ผู้อำนวยการสายงานแพทย์ โรงพยาบาลนครธน เปิดเผยว่า หลายธุรกิจเริ่มให้ความสำคัญในการดูแลผู้สูงอายุ เมื่อสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงทางสังคมเกิดขึ้นจากการเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยอย่างเต็มรูปแบบ “โครงการ นครธน ลองไลฟ์ เซ็นเตอร์” จึงเป็นหนึ่งกลยุทธ์สำคัญของการขยายธุรกิจเพื่อรองรับกลุ่มผู้สูงอายุที่เข้ามาใช้บริการ
โดยแบ่งการบริการออกเป็น 4 กลุ่ม 1. กลุ่มผู้ป่วยที่ต้องพักฟื้นหลังการผ่าตัด ซึ่งยังต้องการรับการดูแลอย่างต่อเนื่อง 2. กลุ่มผู้สูงอายุที่ต้องการพักอาศัยแบบถาวร 3. กลุ่มผู้สูงอายุที่ต้องการดูแลสุขภาพแบบ Day Care และ 4. บุคคลทั่วไปที่ใส่ใจดูแลรักษาสุขภาพด้วยบริการ Wellness Services
“โครงการ นครธน ลองไลฟ์ เซ็นเตอร์ มีทีมแพทย์เฉพาะทางด้านเวชศาสตร์ผู้สูงอายุ ให้บริการดูแลและเสริมสร้างสุขภาพแบบองค์รวม ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากโรงพยาบาลนครธนเพียง 350 เมตร มีจำนวน 85 เตียง งบประมาณลงทุน 557 ล้านบาท ปัจจุบันอยู่ระหว่างการก่อสร้าง คาดว่าจะเปิดดำเนินการได้ในปี 2569” พญ.ศิเรมอร กล่าว
เป้าหมายการเติบโตและทิศทางการขยายธุรกิจในต่างประเทศ รศ.ญาณเดช กล่าวถึงเป้าหมายการเติบโตของโรงพยาบาลนครธนว่า ตั้งเป้าการเติบโตด้านรายได้ประมาณ 8-10% ซึ่งคาดว่าจะเป็นไปตามเป้าหมาย โดยปัจจัยสนับสนุนที่สำคัญ มาจากการเพิ่มขึ้นของจำนวนเตียง IPD ของโรงพยาบาล และการขยายวอร์ดพิเศษ รวมถึงโครงการใหม่ที่อยู่ในแผนพัฒนาธุรกิจ
ขณะที่การขยายธุรกิจในต่างประเทศ พญ.ศิเรมอร ทองสิมา เสริมว่า “เรามีการขยายการให้บริการในตลาดต่างประเทศ โดยแต่งตั้งตัวแทนด้านการตลาดในประเทศเมียนมาร์ เพื่อเป็นศูนย์กลางการติดต่อสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมาย และผู้ที่สนใจเข้ารับบริการทางการแพทย์ ซึ่งจะสามารถเดินทางมายังประเทศไทยเพื่อเข้ารับการบริการที่โรงพยาบาลนครธนได้สะดวกยิ่งขึ้น นอกจากนี้ในอนาคตเรามีแผนขยายตลาดไปในกลุ่มประเทศกัมพูชา และบังกลาเทศด้วย”