บีคอน เวนเจอร์ แคปิทัล จำกัด (บีคอน วีซี) บริษัทเงินร่วมทุนของธนาคารกสิกรไทย ร่วมกับกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม (กรมลดโลกร้อน) และสถาบันเพื่อการพัฒนาที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมโลก (Global Green Growth Institute หรือ GGGI) เปิดตัวคู่มือสำหรับสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีเพื่อสภาพภูมิอากาศของประเทศไทย (Thailand Climate Tech Startup Guide) ฉบับแรกของประเทศ ซึ่งมีเนื้อหาครอบคลุมทุกประเด็นสำคัญ ตั้งแต่แหล่งเงินทุน นวัตกรรม การกำกับดูแลด้านนโยบาย กฎหมาย รวมทั้งข้อเสนอแนะด้านการนำ Climate Tech มาใช้สนับสนุนผู้ประกอบการและนักลงทุนในการพัฒนานวัตกรรมเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ท่ามกลางตลาดธุรกิจสีเขียวโลกที่คาดว่าจะมีมูลค่าสูงถึง 280 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ
นายวรพจน์ กิ่งแก้วก้านทอง Investment Head ของ บริษัท บีคอน เวนเจอร์ แคปิทัล จำกัด (บีคอน วีซี) เปิดเผยว่า ท่ามกลางความท้าทายหลากหลายที่ประเทศไทยกำลังเผชิญ การขับเคลื่อนเพื่อบรรเทาการเปลี่ยนแปลงด้านสภาพภูมิอากาศยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง สตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีสภาพภูมิอากาศ หรือ Climate Tech จึงเข้ามามีบทบาทในการพัฒนานวัตกรรมที่มีส่วนช่วยให้ประเทศเดินหน้าสู่เป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และ Net Zero ที่วางไว้ โดยบีคอน วีซี ได้ส่งเสริมการด้านเงินทุนผ่าน Beacon Impact Fund นอกจากนี้ เพื่อสร้างพื้นฐานและพัฒนาระบบนิเวศ Climate Tech ไทยให้แข็งแกร่งขึ้น บีคอน วีซี จึงได้ร่วมกับกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม และสถาบันเพื่อการพัฒนาที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมโลก เปิดตัวคู่มือสำหรับสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีเพื่อสภาพภูมิอากาศของประเทศไทย (Thailand Climate Tech Startup Guide) ฉบับแรกของประเทศ ซึ่งพัฒนาขึ้นเพื่อเป็นแนวทางสำคัญสำหรับผู้ประกอบการ นักลงทุน และผู้กำหนดนโยบายในการใช้ประโยชน์จาก Climate Tech อย่างเต็มศักยภาพ โดยมุ่งเน้นการสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจพร้อมลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
เนื้อหาในคู่มือสำหรับสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีสภาพภูมิอากาศฉบับใหม่นี้ เป็นการรวบรวมข้อมูลเชิงลึกจากผู้เชี่ยวชาญหลายภาคส่วน แนวทางปฏิบัติที่ใช้ได้จริง และกรณีศึกษาที่ช่วยสตาร์ทอัพวางแผนธุรกิจและขยายตัวอย่างมีประสิทธิภาพ ครอบคลุมประเด็นสำคัญสำหรับสตาร์ทอัพด้าน Climate Tech ตั้งแต่แหล่งเงินทุน นวัตกรรม การกำกับดูแลด้านนโยบาย รวมถึงข้อเสนอแนะเพื่อให้ประเทศไทยสามารถนำ Climate Tech มาใช้ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และข้อเสนอแนะการออกกฎหมายนโยบายเพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการ นักลงทุน ผู้พัฒนาเทคโนโลยี ด้วยความมุ่งหมายให้คู่มือนี้เป็นจุดเริ่มต้นการวางรากฐานที่ดีสำหรับผู้เกี่ยวข้องกับ Climate Tech ทุกภาคส่วน ซึ่งจะนำไปสู่ความร่วมมือผลักดันการพัฒนาที่จำเป็น เพื่อให้ประเทศไทยเปลี่ยนผ่านเข้าสู่สังคมคาร์บอนต่ำได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
นายกิตติศักดิ์ พฤกษ์กานนท์ ผู้อำนวยการกองยุทธศาสตร์และความร่วมมือระหว่างประเทศ กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม (กรมลดโลกร้อน) เปิดเผยว่า ความร่วมมือในการจัดทำคู่มือคู่มือสำหรับสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีเพื่อสภาพภูมิอากาศครั้งนี้ ตอกย้ำความสำคัญที่ประเทศไทยได้ตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนและท้าทายในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งเป็นโจทย์ใหญ่ที่ไม่สามารถสำเร็จได้ด้วยนโยบายอย่างเดียว แต่จำเป็นต้องใช้นวัตกรรมเข้ามาขับเคลื่อนด้วย ผู้ประกอบการด้าน Climate Tech ใช้เทคโนโลยีเพื่อแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ตั้งแต่การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกไปจนถึงการช่วยชุมชนปรับตัวรับมือกับผลกระทบ แม้รัฐบาลจะมีนโยบายและสิทธิประโยชน์สนับสนุนการพัฒนา Climate Tech แต่ภาคธุรกิจยังเผชิญความท้าทายสำคัญ ได้แก่ กฎระเบียบที่ซับซ้อน การขาดแคลนบุคลากรที่มีทักษะ และข้อจำกัดในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน ซึ่งยังคงเป็นอุปสรรคในการปลดล็อกศักยภาพของภาค Climate Tech จึงจำเป็นต้องสร้างกรอบนโยบายที่ยืดหยุ่นแต่มั่นคงเพื่อรองรับนวัตกรรมใหม่ที่กฎหมายเก่าไม่สามารถตอบสนองได้ และสร้างช่องทางสนับสนุนสตาร์ทอัพโดยตรงมากขึ้น
นายศานติ์กร ภักดีเศรษฐกุล เจ้าหน้าที่อาวุโสด้านยุทธศาสตร์การลงทุนสีเขียว สถาบันเพื่อการพัฒนาที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมโลก (Global Green Growth Institute หรือ GGGI) เปิดเผยว่า ตลาดธุรกิจสีเขียวทั่วโลกคาดว่าจะมีมูลค่าสูงถึง 280 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2593 ขณะที่ประเทศไทยเริ่มมีความชัดเจนในเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว ซึ่งเปิดโอกาสการลงทุนในสาขาใหม่ เช่น พลังงานสะอาด เกษตรกรรมยั่งยืน การจัดการขยะ และรถยนต์ไฟฟ้า ดังนั้น การจัดทำคู่มือคู่มือสำหรับสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีเพื่อสภาพภูมิอากาศจึงมุ่งส่งเสริม Climate Tech ให้สามารถตอบรับกับโอกาสที่เกิดขึ้นได้ หากเราสามารถลดข้อจำกัดต่างๆ และเสริมความแข็งแกร่งของระบบนิเวศให้ครบวงจร ประเทศไทยก็มีศักยภาพที่จะเป็นศูนย์กลางของนวัตกรรมด้านสภาพภูมิอากาศในภูมิภาคนี้ได้อย่างแน่นอน
นายวรพจน์ กล่าวตอนท้ายว่า แม้วงการสตาร์ทอัพด้าน Climate Tech ในประเทศไทยจะยังเผชิญความท้าทายหลากหลาย แต่โอกาสในการพัฒนาธุรกิจด้านนี้ก็มีมาก เมื่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในภาคส่วนต่างๆ เริ่มตระหนักถึงความสำคัญของ Climate Tech มากขึ้น ซึ่งเป็นตัวจุดประกายความร่วมมือในการสร้างนวัตกรรมเพื่อลดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ คู่มือฉบับนี้โดยคู่มือยังเจาะลึกถึงกลุ่มเทคโนโลยีเฉพาะทางของ Climate Tech ที่มีโอกาสเติบโตสูงในไทย รวมทั้งชวนทุกภาคส่วนมองไปข้างหน้าถึงสาขาที่จะมีบทบาทสำคัญในอนาคต โดยเฉพาะการลดก๊าซเรือนกระจกในอุตสาหกรรม การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ทนทานต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญทั้งในระดับประเทศและภูมิภาคอาเซียน ผู้สนใจสามารถดาวน์โหลด Thailand Climate Tech Startup Guide ฟรี ภาษาไทยที่ https://www.dcce.go.th/media/6757/ และภาษาอังกฤษที่ https://www.dcce.go.th/media/6762/
Beacon VC joins hands with the Department of Climate Change and Environment, and GGGI, to launch Thailand’s first Climate Tech Startup Guide
Beacon Venture Capital Company Limited (Beacon VC), a venture capital arm of KBank, in collaboration with the Department of Climate Change and Environment, and the Global Green Growth Institute (GGGI), recently unveiled Thailand’s first Climate Tech Startup Guide. This comprehensive guide covers all key areas, including funding sources, innovation, policy governance, law and recommendations on the use of climate technologies to support entrepreneurs and investors in developing innovations to reduce greenhouse gas emissions amid the rapidly growing global green economy, which is projected to be worth up to 280 trillion USD.
Mr. Woraphot Kingkawkantong, Investment Head of Beacon Venture Capital Company Limited (Beacon VC), said that amid the various challenges Thailand is facing, efforts to address climate change are ongoing. Climate tech startups are playing a key role in developing innovations that help the country advance towards its greenhouse gas emission reduction and net zero targets. Beacon VC has supported this effort through the Beacon Impact Fund. Additionally, to strengthen the foundation and development of Thailand’s climate tech ecosystem, Beacon VC has collaborated with the Department of Climate Change and Environment and GGGI to launch Thailand’s first Climate Tech Startup Guide. This guide serves as a vital resource for entrepreneurs, investors, and policymakers to fully leverage the potential of climate technologies by focusing on generating economic value while also reducing greenhouse gas emissions.
The content of this new Thailand Climate Tech Startup Guide brings together insights from experts across various sectors, practical guidelines, and case studies to help startups effectively plan and scale their businesses. It covers key topics relevant to climate tech startups, including funding sources, innovation, and policy governance. The guide also offers recommendations on how Thailand can leverage climate technologies to reduce greenhouse gas emissions, along with suggestions for legislative and policy frameworks to support entrepreneurs, investors, and technology developers. The aim is to serve as a foundation for all stakeholders in the climate tech ecosystem, fostering collaboration and driving essential development to accelerate Thailand’s transition to a low-carbon society.
Mr. Kittisak Prukkanone, Director of DCCE’s Division of Strategy and International Cooperation, said the collaboration in developing the Thailand Climate Tech Startup Guide highlights the importance of Thailand’s clear and ambitious target for reducing greenhouse gas emissions. This challenge cannot be addressed by policy alone but requires innovation to drive progress and climate tech entrepreneurs to leverage technologies to tackle climate change issues – from reducing emissions to helping communities adapt to climate impacts. While the government has introduced policies and incentives to support climate tech development, businesses still face key challenges, including complex regulations, a shortage of skilled personnel, and limited access to funding. These remain major barriers to unlocking the full potential of the climate tech sector. Thus, it is essential to create a policy framework that is both flexible and robust to accommodate new innovations that outdated laws cannot address, and to establish more direct support channels for startups.
Mr. Santikorn Pakdeesettakul, GGGI’s Senior Green Investment Strategy Officer, added that the global green business market is projected to reach 280 trillion USD by 2050. Meanwhile, Thailand has begun to define clearer targets for achieving net-zero greenhouse gas emissions, promoting a circular economy, and advancing a green economy. These developments present investment opportunities in emerging sectors, such as clean energy, sustainable agriculture, waste management, and electric vehicles. Therefore, the development of the Thailand Climate Tech Startup Guide aims to promote climate tech to effectively seize these opportunities. If Thailand can overcome existing barriers and strengthen its innovation ecosystem comprehensively, the country has strong potential to become a regional hub for climate innovation.
Mr. Woraphot concluded that although Thailand’s climate tech startup industry still faces various challenges, there are ample opportunities for business development in this field as stakeholders across various sectors have increasingly recognized the importance of climate tech, sparking collaborations to create innovations for mitigating climate change. The Thailand Climate Tech Startup Guide delves into specialized climate tech sectors with high growth potential in Thailand and invites all sectors to look ahead at fields that will play a crucial role in the future, particularly greenhouse gas reduction in industries, climate-resilient infrastructure development, and biodiversity conservation, being key issues at both the national and ASEAN levels. Interested individuals can download the Thailand Climate Tech Startup Guide for free in Thai at https://www.dcce.go.th/media/6757/ and in English at https://www.dcce.go.th/media/6762/.
