“จับมือภาควิชาชีพ ยกระดับชุมชน” — การเคหะแห่งชาติ เดินหน้าสร้างความร่วมมือเชิงรุกด้านความปลอดภัยในที่อยู่อาศัย จับมือมูลนิธินายช่างไทย ใจอาสา ผนึกกำลังเครือข่ายช่างอาสาทั่วประเทศ ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) เพื่อดำเนินกิจกรรมอาสาเพื่อสาธารณประโยชน์ พร้อมส่งเสริมการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และประสบการณ์ด้านวิชาชีพ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนอย่างยั่งยืน

เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2568 นายทวีพงษ์ วิชัยดิษฐ ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับ นายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์ ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ในฐานะประธานมูลนิธิ
นายช่างไทย ใจอาสา โดยมี ดร.กมล ตรรกบุตร ประธานกรรมการที่ปรึกษามูลนิธินายช่างไทย ใจอาสา นายคมสัน พิลาสมบัติ รองผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ ร่วมลงนามเป็นพยาน และ นายวสวัตติ์ กฤษศิริธีรภาคย์ เลขาธิการมูลนิธินายช่างไทย ใจอาสา เป็นผู้กล่าวรายงานวัตถุประสงค์ พร้อมด้วยผู้บริหารทั้งสองหน่วยงานเข้าร่วมในพิธีดังกล่าว ณ ห้องประชุมชั้น 18 อาคาร ท.103 การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย

วัตถุประสงค์หลักของความร่วมมือครั้งนี้ เพื่อร่วมกันดำเนินกิจกรรมอาสาด้านความปลอดภัย ตรวจสอบและประเมินโครงสร้างอาคาร ระบบไฟฟ้า ระบบป้องกันอัคคีภัย และเฝ้าระวังภัยพิบัติ รวมถึงการบรรเทาผลกระทบจากเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นในชุมชนของการเคหะแห่งชาติ

นายทวีพงษ์ วิชัยดิษฐ ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ กล่าวว่า ความร่วมมือในครั้งนี้ถือเป็นการบูรณาการระหว่างภาครัฐและภาคประชาสังคม โดยเฉพาะมูลนิธินายช่างไทย ใจอาสา ซึ่งเป็นองค์กรที่มีเครือข่ายอาสาสมัครเชิงวิชาชีพหลากหลายสาขา ได้แก่ ผู้ตรวจสอบอาคารอาสา วิศวกรอาสา สถาปนิกอาสา นายช่างอาสา และยุวช่างอาสา ที่พร้อมลงพื้นที่ ให้ความช่วยเหลือแก่ประชาชน ชุมชน สถานสงเคราะห์ รวมถึงหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนอย่างต่อเนื่อง

“การเคหะแห่งชาติมีภารกิจหลักในการจัดหาที่อยู่อาศัยให้กับประชาชน โดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อยและกลุ่มเปราะบาง และยังต้องควบคู่ไปกับการดูแลคุณภาพชีวิตในทุกมิติ ความร่วมมือครั้งนี้จึงไม่ใช่เพียงการตรวจสอบความปลอดภัยเชิงโครงสร้าง แต่ยังเป็นการส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้ร่วมกัน การแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ และการสร้างเครือข่ายจิตอาสาที่แข็งแรงในระดับชุมชน” นายทวีพงษ์ กล่าว
การเคหะแห่งชาติจะให้การสนับสนุนด้านบุคลากร เครื่องมือ อุปกรณ์ และสถานที่ ขณะที่มูลนิธินายช่างไทย ใจอาสา จะสนับสนุนทีมอาสาผู้เชี่ยวชาญลงพื้นที่ตรวจสอบอาคารในเชิงลึก เพื่อเพิ่มมาตรฐานความปลอดภัยให้กับที่อยู่อาศัย และลดภาระค่าใช้จ่ายด้านการบำรุงรักษาในชุมชน นอกจากนี้ ความร่วมมือครั้งนี้ยังมีเป้าหมายเพื่อสร้างผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมต่อประชาชน โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูงหรือขาดแคลนทรัพยากร โดยการบูรณาการทั้งองค์ความรู้ด้านวิชาชีพ การปฏิบัติภาคสนาม และการฟื้นฟูหลังภัยพิบัติ จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตและความมั่นคงปลอดภัยในการอยู่อาศัยของประชาชนในระยะยาว
“นี่คืออีกหนึ่งก้าวสำคัญในการแสดงให้เห็นถึงความห่วงใยของการเคหะแห่งชาติ และความตั้งใจร่วมของมูลนิธินายช่างไทย ใจอาสา ที่ต้องการมีส่วนร่วมในการดูแลสังคม และสร้างมาตรฐานใหม่ของความปลอดภัยในชุมชนอย่างแท้จริง” ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ กล่าวสรุป