กรุงเทพประกันภัยเดินหน้าสร้างผลประกอบการแข็งแกร่งต่อเนื่อง ด้วยกลยุทธ์บริหารความเสี่ยงรอบด้าน คาดสิ้นปี 2568 ยังคงสร้างผลกำไรตามที่คาดหมายไว้

0
13

ดร.อภิสิทธิ์ อนันตนาถรัตน กรรมการและประธานคณะผู้บริหาร บริษัท บีเคไอ โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BKIH และ บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ BKI เปิดเผยถึงภาพรวมเศรษฐกิจปี 2568 ว่า ปีนี้นับเป็นปีที่เศรษฐกิจไทยยังคงต้องเผชิญกับความท้าทายและความผันผวนในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นปัญหาหนี้ครัวเรือนที่ยังอยู่ในระดับสูง กำลังซื้อของประชาชนที่ลดลง ประกอบกับภาคการส่งออกที่ได้รับผลกระทบจากค่าเงินบาทแข็งค่า ขณะเดียวกัน ผู้ประกอบการในประเทศยังคงได้รับผลกระทบจากภาวะ China Shock เมื่อสินค้าจีนราคาถูกทะลักเข้าสู่ตลาด ทำให้ผู้ประกอบการรายย่อย (SMEs) จำนวนมากต้องเผชิญความยากลำบากในการแข่งขัน นอกจากนี้ อัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับต่ำกว่ากรอบเป้าหมายที่ 2% สะท้อนให้เห็นถึงภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและไม่เติบโตตามที่ควรจะเป็น ซึ่งย่อมส่งผลกระทบต่อทุกภาคส่วนธุรกิจ รวมถึงธุรกิจประกันภัยด้วยเช่นกัน โดยภาพรวมปี 2568 คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะเติบโตประมาณ 2% หลังจากครึ่งปีแรกขยายตัวราว 3% ขณะที่อุตสาหกรรมประกันภัยในช่วงครึ่งปีแรกมีการเติบโตประมาณ 3% และทั้งปีคาดว่าจะขยายตัวในกรอบ 1.5% – 2.5%
 
จากปัจจัยทางเศรษฐกิจที่กล่าวมาข้างต้น กรุงเทพประกันภัยจึงได้ปรับเป้าหมายการเติบโตให้สอดคล้องกับสถานการณ์ แม้ว่าภาพรวมในปีนี้เบี้ยประกันภัยรับรวมอาจจะไม่สามารถขยายตัวได้ตามที่ตั้งเป้าไว้ แต่บริษัทฯ ยังคงมุ่งดำเนินงานในทิศทางที่กำหนดไว้ และมั่นใจว่าจะสามารถรักษามาตรฐานด้านผลประกอบการได้อย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่ากำไรสุทธิจากผลการดำเนินงานในปี 2568 จะใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมาและเป็นไปตามที่คาดหมายไว้
 
สำหรับในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2568 นี้ คาดว่าจะได้รับแรงสนับสนุนจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดใหม่ อย่างโครงการคนละครึ่งพลัสที่จะช่วยเพิ่มการใช้จ่ายในประเทศ ทั้งการเดินหน้าโครงการเมกะโปรเจ็กต์ขนาดใหญ่ การขยายตัวของเบี้ยประกันภัยประเภทอื่นๆ ที่จะมีเข้ามา เช่น ประกันภัยทรัพย์สิน และศูนย์ข้อมูล Data Center ฯลฯ ตลอดจนบริษัทฯ มีการบริหารจัดการด้านประกันภัยรถยนต์ที่ยังคงมุ่งเน้นกลยุทธ์ “ไม่แข่งขันด้านราคา” และให้ความสำคัญในการบริหารจัดการความเสี่ยงอย่างรอบคอบและสมดุล ซึ่งจุดแข็งของเราคือการให้บริการที่มีคุณภาพ เชื่อถือได้ และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์คนยุคใหม่ รวมถึงการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาประยุกต์ใช้เพื่อยกระดับประสบการณ์และความพึงพอใจของลูกค้าเป็นสำคัญ ปัจจัยเหล่านี้จะมีส่วนช่วยสนับสนุนให้เบี้ยประกันภัยรับรวมของบริษัทฯ ในสิ้นปี 2568 อยู่ที่ราว 32,500 ล้านบาท

ด้านการประเมินความเสียหายในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ บริษัทฯ ยังคงยึดมั่นในการดูแลลูกค้าอย่างเต็มที่ในทุกสถานการณ์ โดยเฉพาะเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งมีการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนส่วนใหญ่ในประกันอัคคีภัยบ้านอยู่อาศัยและห้องชุด รวมถึงประกันภัยทรัพย์สิน ทั้งนี้ กรุงเทพประกันภัยได้บริหารจัดการความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ ผ่านการจัดสรรประกันภัยต่อ (Reinsurance) ที่ครอบคลุมมากกว่า 95% ของมูลค่าความเสียหายทั้งหมด ส่งผลให้บริษัทฯ รับผิดชอบโดยตรงเพียงประมาณ 100 ล้านบาท ขณะที่ส่วนที่เหลือได้รับการคุ้มครองจากประกันภัยต่อ

ส่วนกรณีความเสียหายจากการทรุดตัวของถนนสามเสน บริเวณพื้นที่ก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ขณะนี้ยังอยู่ในระหว่างการประเมินความเสียหายทั้งในส่วนทรัพย์สินบุคคลภายนอกและความเสียหายของโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าใต้ดิน ซึ่งบริษัทกรุงเทพประกันภัยได้เข้าร่วมรับประกันภัย 40% ของมูลค่ารวม ดังนั้น เมื่อสามารถสรุปความเสียหายได้แล้ว บริษัทฯ จะชดใช้ความเสียหายตามสัดส่วนที่รับประกันภัยไว้ แต่ทั้งนี้ จะไม่ได้มีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อผลประกอบการของบริษัทฯ เนื่องจากกรุงเทพประกันภัยได้จัดสรรการประกันภัยต่อออกไปกว่า 99% ซึ่งบริษัทฯ จะได้รับผลกระทบน้อยกว่า 1% ของมูลค่าความเสียหายรวมที่เกิดขึ้น  

ทั้งนี้ ปัจจุบันภาคธุรกิจประกันภัยยังต้องเผชิญกับความเสี่ยงจากภัยพิบัติและอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิด ทำให้บริษัทฯ ต้องเพิ่มความระมัดระวังมากยิ่งขึ้นในการคัดเลือกการรับประกันภัย พร้อมกับการบริหารจัดการความเสี่ยงอย่างรอบคอบและเหมาะสม เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงและความเชื่อมั่นให้แก่ผู้เอาประกันภัยในระยะยาว