ในชีวิตประจำวันที่เร่งรีบของคนไทย รถจักรยานยนต์ที่มีจุดเด่นด้านความสะดวกสบายและคล่องตัว ได้กลายมาเป็นยานพาหนะหลักของหลายครอบครัว รวมถึงครอบครัวที่มีเด็ก อย่างไรก็ตาม การเดินทางด้วยยานพาหนะดังกล่าว อาจแฝงไว้ด้วยความเสี่ยงที่หลายคนคาดไม่ถึง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเด็กต้องนั่งซ้อนท้ายโดย และไม่มีอุปกรณ์ป้องกันที่เหมาะสม
“กรุงศรี ออโต้” ผู้นำธุรกิจสินเชื่อยานยนต์ครบวงจร เครือธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ได้เล็งเห็นความสำคัญของประเด็นนี้ และต้องการให้ทุกคนสามารถห่างไกลจากอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้น จึงได้สานต่อโครงการ LET’sponsible เพื่อร่วมปลูกฝังความรับผิดชอบต่อสังคมและส่งเสริมความปลอดภัยบนท้องถนนโดยมุ่งหวังให้ผู้ปกครองทราบถึงความสำคัญของการสวมหมวกกันน็อกให้เด็กและปลูกฝังให้พวกเขาเกิดพฤติกรรมสวมใส่หมวกกันน็อกทุกครั้งที่เดินทาง พร้อมแนะนำวิธีเลือกหมวกกันน็อกที่ถูกต้อง
เลือกหมวกกันน็อกเด็กที่ใช่ต้องดูอะไรบ้าง
การเลือกหมวกกันน็อกสำหรับเด็ก ไม่ใช่แค่เรื่องของขนาดหรือดีไซน์ แต่ต้องคำนึงถึงความปลอดภัย ความสะดวกสบาย และคุณภาพที่ได้มาตรฐาน เพื่อให้มั่นใจได้ว่าเด็กจะได้รับการปกป้องสูงสุดเมื่อเกิดอุบัติเหตุ โดยเมื่อต้องเลือกซื้อหมวกกันน็อกเด็กใหม่ ควรพิจารณาจาก 5 เกณฑ์ ดังนี้
• ขนาดกระชับ รับศีรษะเด็ก: หมวกนิรภัยที่พอดีกับศีรษะสามารถช่วยลดโอกาสบาดเจ็บที่ศีรษะและสมองได้ถึง 69% และลดความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตได้ 39% ดังนั้น เพื่อให้หมวกกันน็อกสามารถทำหน้าที่ป้องกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผู้ปกครองควรเลือกซื้อด้วยการวัดขนาดรอบศีรษะของเด็กในส่วนที่กว้างที่สุด บริเวณเหนือคิ้วประมาณ 1 นิ้ว (2.5 เซนติเมตร) หากรอบศีรษะที่วัดได้อยู่ระหว่างหมวกกันน็อก 2 ขนาด ควรเลือกหมวกที่มีขนาดเล็กกว่าเพื่อความกระชับ อีกทั้ง ควรตรวจสอบอีกครั้งว่าไม่มีช่องว่างระหว่างหน้าผากกับหมวกที่สามารถสอดนิ้วเข้าไปได้และเมื่อเขย่าศีรษะเบาๆ หมวกไม่ควรขยับมากเกินไปหรือทำให้รู้สึกบีบรัดจนทำให้รู้สึกอึดอัด
• มีสายรัดไว้ มั่นใจทุกเวลา: แม้หมวกกันน็อกจะพอดีกับศีรษะ แต่หากไม่มีสายรัดคาง หรือสายรัดไม่แน่นพอดี ก็อาจทำให้หมวกกันน็อกหลุดออกเมื่อเกิดอุบัติเหตุ ดังนั้น ผู้ปกครองควรตรวจสอบว่าสายรัดแน่นพอดี ไม่หลวมจนหมวกขยับได้ และไม่แน่นจนเกินไป พร้อมตรวจสอบให้มีระยะห่างระหว่างคางกับสายรัดไม่เกิน 1-2 นิ้วมือ เพื่อความสบายและปลอดภัย นอกจากนี้ สายรัดคางอาจคลายตัวหลังการใช้งาน ผู้ปกครองควรเช็กให้แน่ใจก่อนออกเดินทางทุกครั้ง
• เลือกหมวกให้โดนใจ เด็กเต็มใจหยิบใส่ทุกวัน: เด็กจำนวนมากไม่ยอมสวมหมวกกันน็อก เพราะรู้สึกอึดอัดหรือหมวกมีน้ำหนักมากเกินไป ด้วยเหตุนี้ การเลือกหมวกที่ระบายอากาศดีและน้ำหนักเบาจึงเป็นสิ่งสำคัญ โดยหมวกกันน็อกควรมีช่องระบายหลายจุด เช่น ด้านบนและด้านหลัง เพื่อลดความร้อนและเหงื่อสะสม นอกจากนี้ อีกหนึ่งวิธีที่ช่วยให้เด็กเต็มใจสวมใส่หมวกกันน็อก คือให้พวกเขามีส่วนร่วมในการเลือกหมวก โดยเลือกแบบที่มีสีสันสดใส หรือลวดลายที่เด็กชื่นชอบ
• หมวกที่ดี ต้องมีมาตรฐาน: หมวกกันน็อกที่ดีควรผ่านการรับรองมาตรฐานจากหน่วยงานที่เชื่อถือได้ เช่น มอก. ซึ่งควบคุมโดยสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) ECE R22.05 (ยุโรป) ที่ทดสอบแรงกระแทก และการดูดซับแรงสะเทือน
• หมวกเสื่อม เปลี่ยนใหม่ ปลอดภัยกว่า: หมวกกันน็อกมีอายุการใช้งานเฉลี่ย 3-5 ปี หลังจากนั้นวัสดุอาจเสื่อมสภาพ อีกทั้งหากหมวกผ่านการกระแทกอย่างรุนแรง ควรเปลี่ยนใหม่ทันที เพราะโครงสร้างด้านในอาจเสียหายแม้ภายนอกจะไม่เห็นรอยแตกก็ตาม นอกจากนี้ สำหรับเด็กที่อยู่ในวัยที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ผู้ปกครองควรหมั่นเช็กขนาดของหมวกทุก 6-12 เดือน หากหมวกกันน็อกเริ่มคับหรือเด็กบ่นว่าอึดอัด ควรเปลี่ยนขนาดให้เหมาะสม และที่สำคัญห้ามใช้หมวกกันน็อกมือสอง เพราะอาจมีรอยร้าวหรือเสื่อมสภาพจากการใช้งานก่อนหน้า ทำให้ความสามารถในการป้องกันลดลง และเพิ่มความเสี่ยงเมื่อเกิดอุบัติเหตุ
การสวมหมวกกันน็อกให้เด็กทุกครั้งก่อนออกเดินทางไม่ว่าใกล้หรือไกล เป็นหนึ่งสิ่งที่ผู้ปกครองไม่ควรมองข้าม เราทุกคนสามารถลดความสูญเสียจากอุบัติเหตุที่ไม่คาดฝัน เพียงเริ่มต้นจากการสวมใส่หมวกกันน็อกให้กับตนเองและลูกหลาน เพื่อปกป้องชีวิตและอนาคตของทุกคน มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ LET’sponsible กับกรุงศรี ออโต้ สร้างความปลอดภัยบนท้องถนนและส่งต่อความรับผิดชอบให้กับสังคมไทยไปด้วยกัน
รับชมวิดีโอเพิ่มเติมภายใต้โครงการ LET’sponsible ได้ที่ https://www.youtube.com/playlist?list=PLoHwRneB14si4gq3_z1T8D2tnV-YFqj8u
รู้หรือไม่:
• เด็กที่นั่งด้านหน้าของผู้ปกครอง มีความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บที่ศีรษะ/ใบหน้ามากกว่าเด็กที่นั่งด้านหลังถึง 2 เท่า
• หมวกกันน็อกสามารถลดการบาดเจ็บที่ศีรษะได้ 72% และความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตได้ถึง 39%
• อุบัติเหตุของรถจักรยานยนต์ที่วิ่งด้วยความเร็ว 48 กม./ชม. เปรียบเสมือนการตกจากอาคาร 3 ชั้น
กรุงศรีออโต้ # LET’sponsible #ความปลอดภัย #หมวกกันน็อกเด็ก #อุบัติเหตุ
ประสบการณ์ใหม่กับ กรุงศรี ออโต้
“กรุงศรี ออโต้” ผู้นำธุรกิจสินเชื่อยานยนต์ เครือธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ให้บริการสินเชื่อยานยนต์ครบวงจร ได้แก่ สินเชื่อเพื่อคนมีรถ “คาร์ฟอร์แคช” สินเชื่อรถบ้าน ”กรุงศรี รถบ้าน” สินเชื่อรถใหม่ “กรุงศรี นิว คาร์” สินเชื่อรถเต็นท์ “กรุงศรี ยูสด์ คาร์” สินเชื่อรถบรรทุกใหม่
“กรุงศรี ทรัค” และสินเชื่อเพื่อซื้อรถยนต์ไว้ใช้ในกิจการ “กรุงศรี ฟลีท แอนด์ ลีสซิ่ง” ตลอดจนแพลตฟอร์ม PromptBuy ศูนย์รวมสินค้ารักษ์โลกเพื่อไลฟ์สไตล์ที่ยั่งยืน จากผู้จัดจำหน่ายที่คัดสรรมาเป็นอย่างดี ซึ่งให้บริการโดยกลุ่มงานธุรกิจสินเชื่อยานยนต์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) สินเชื่อรถจักรยานยนต์ “กรุงศรี มอเตอร์ไซค์” สินเชื่อบิ๊ก ไบค์ “กรุงศรี บิ๊ก ไบค์” สินเชื่อบิ๊ก ไบค์ มือสอง “กรุงศรี มอเตอร์ไซค์มือสอง (ซื้อจากเจ้าของ)” สินเชื่อเพื่อคนมีรถ “คาร์ฟอร์แคช มอเตอร์ไซค์” สินเชื่อผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ “กรุงศรี อินเวนทอรี่ ไฟแนนซ์” รวมถึงผลิตภัณฑ์และบริการด้านการประกันภัย “กรุงศรี ออโต้ โบรคเกอร์” ซึ่งให้บริการโดยบริษัท อยุธยา แคปปิตอล ออโต้ ลีส จำกัด (มหาชน)
ลูกค้าสามารถเลือกใช้บริการสินเชื่อของกรุงศรี ออโต้ พร้อมรับคำปรึกษาทั้งเรื่องรถและเรื่องเงิน ช่วยให้ทุกชีวิตดีขึ้น ผ่านสาขากรุงศรี ออโต้ 52 สาขาทั่วประเทศ รวมทั้งสาขาของธนาคารกรุงศรีอยุธยาทั่วประเทศ หรือติดต่อ “กรุงศรี ออโต้ คอล เซ็นเตอร์” โทร 0 2740 7400 ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมที่เว็บไซต์ www.krungsriauto.com เฟซบุ๊ก www.facebook.com/krungsriauto LINE Official Account @krungsriauto หรือ “แอป โก บาย กรุงศรี ออโต้ (GO by Krungsri Auto Application)”