เคทีซีสร้างสถิติใหม่กำไร 7,140 ล้านบาท พอร์ตลูกหนี้ทะลุกว่าแสนล้านบาท พร้อมขับเคลื่อนองค์กรสู่รากฐานที่แข็งแกร่ง

0
481

เคทีซีแจ้งผลการดำเนินงานปี 2565 ดีกว่าประมาณการ สร้างสถิติใหม่ทำกำไรสูงสุดอีกครั้ง โดยงบการเงินเฉพาะกิจการมีกำไร 7,140 ล้านบาท เพิ่มขี้น 14.2% และงบการเงินรวมมีกำไรสุทธิ 7,079 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.4% ในขณะที่พอร์ตสินเชื่อรวมมีมูลค่า 104,194 ล้านบาท เตรียมขับเคลื่อนองค์กรสู่รากฐานที่แข็งแกร่งด้วยแนวคิด “A Transition to the New Foundation” ตอกย้ำความเป็นองค์กรที่ได้รับความไว้วางใจ (Trusted Organization) กับทุกกลุ่มผู้มีส่วนได้เสีย

นายระเฑียร ศรีมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวและการบริโภคภาคเอกชนจากช่วงไตรมาสสุดท้ายปี 2565 ถึงปัจจุบัน ทำให้เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวตามลำดับ การจ้างงานและรายได้แรงงานปรับตัวขึ้น ส่งผลให้ภาพรวมของธุรกิจบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคลกลับมาเติบโตดีต่อเนื่อง ซึ่งสะท้อนถึงความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและเป็นผลให้ความต้องการในวงเงินสินเชื่อเพื่อผู้บริโภคเติบโต”

“ในปี 2565 เคทีซีได้ดำเนินธุรกิจหลักตามแผนกลยุทธ์และเป้าหมายในด้านต่างๆ และมีผลการดำเนินงานดีกว่าที่คาดการณ์ในหลายด้าน เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2564 ทั้งพอร์ตลูกหนี้บัตรเครดิตที่ขยายตัว 15.4% และพอร์ตสินเชื่อบุคคลที่ขยายตัว 10.4% รวมทั้งปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเคทีซีที่มีอัตราเติบโตอย่างเห็นได้ชัดถึง 21.7% คิดเป็นมูลค่า 238,257 ล้านบาท สูงกว่างวดเดียวกันของปี 2562 ซึ่งเป็นช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 และมีแนวโน้มที่ยอดใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในปี 2566 ในขณะที่ยอดลูกหนี้ใหม่ของสินเชื่อ “เคทีซี พี่เบิ้ม รถแลกเงิน” มีมูลค่า 1,055 ล้านบาท หลังจากได้ประกาศปรับประมาณการในช่วงไตรมาสที่ 3/2565 อย่างไรก็ตาม เคทีซีจะเน้นความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับธนาคารกรุงไทย เพื่อให้สินเชื่อ “เคทีซี พี่เบิ้ม รถแลกเงิน” บรรลุเป้าลูกหนี้ใหม่ที่ 9,000 ล้านบาท เมื่อสิ้นปี 2566”

“แม้ว่าในปีที่ผ่านมาพอร์ตบัตรเครดิตและพอร์ตสินเชื่อบุคคลของเคทีซีจะมีการขยายตัว แต่เคทีซียังคงเข้มงวดกับเกณฑ์การคัดเลือกลูกค้าใหม่ตั้งแต่ต้นทาง เพื่อให้ได้พอร์ตสินเชื่อที่มีคุณภาพ และมีอัตราส่วนหนี้เสียที่ต่ำ อีกทั้งการตั้งสำรองและตัดหนี้สูญได้ปรับให้เป็นไปตามลักษณะของพอร์ตในแต่ละธุรกิจอย่างเหมาะสม ครอบคลุมความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นในอนาคต และยังสามารถบริหารจัดการต้นทุนทางการเงินให้ลดลง ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการบริหารเพิ่มขึ้นจากการจัดหาสมาชิกใหม่และกิจกรรมการตลาดที่สูงขึ้น เพื่อลงทุนในการสร้างพอร์ต สำหรับรายได้รวมเติบโตจากรายได้ดอกเบี้ยและรายได้ค่าธรรมเนียมที่ขยายตัวตามการเพิ่มขึ้นของธุรกิจ ส่งผลให้เคทีซีสามารถทำกำไรสูงเป็นประวัติการณ์ได้อีกครั้ง”

“ผลประกอบการของเคทีซี ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2565 เคทีซีมีฐานสมาชิกรวม 3,289,839 บัญชี เงินให้สินเชื่อแก่ลูกหนี้และดอกเบี้ยค้างรับรวม 104,194 ล้านบาท อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อเงินให้สินเชื่อรวม (NPL) 1.8% ธุรกิจบัตรเครดิต 2,550,592 บัตร เงินให้สินเชื่อแก่ลูกหนี้บัตรเครดิต 69,462 ล้านบาท อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อเงินให้สินเชื่อ (NPL) ลูกหนี้บัตรเครดิต 1.1% ธุรกิจสินเชื่อบุคคล 739,247 บัญชี เงินให้สินเชื่อแก่ลูกหนี้สินเชื่อบุคคล 32,283 ล้านบาท อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อเงินให้สินเชื่อ (NPL) ลูกหนี้สินเชื่อบุคคลเท่ากับ 2.8% ลูกหนี้ตาม

สัญญาเช่าของบริษัท กรุงไทย ธุรกิจลีสซิ่ง จำกัด (KTBL) มูลค่า 2,449 ล้านบาท อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อเงินให้สินเชื่อ (NPL) ลูกหนี้ตามสัญญาเช่า เท่ากับ 8.9% ซึ่ง NPL ของลูกหนี้ตามสัญญาเช่าลดลงอย่างมีนัยสำคัญ จากการตัดหนี้สูญลูกหนี้คงค้างเดิมซึ่งตั้งสำรองเต็มจำนวนแล้ว และมุ่งเน้นการหาลูกค้าใหม่ในกลุ่มสินเชื่อที่เป็นรถขนาดใหญ่ใช้ในอุตสาหกรรม (Commercial Loan) เพิ่มขึ้นในปี 2566 โดยสิ้นปี 2565 มีพอร์ตสินเชื่อใหม่จำนวน 1,372 ล้านบาท”

“ในปี 2565 เคทีซีมีรายได้รวม 23,231 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.3% เมื่อเทียบกับปี 2564 จากรายได้ดอกเบี้ย (รวมค่าธรรมเนียมในการใช้วงเงิน) และรายได้ค่าธรรมเนียมที่เพิ่มขึ้น 5.6% และ 15.8% ตามลำดับ โดยมีส่วนของหนี้สูญได้รับคืน 3,421 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.7% สำหรับค่าใช้จ่ายรวมเท่ากับ 14,377 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.3% จากค่าใช้จ่ายในการบริหารเพิ่มขึ้น 10.8% ซึ่งส่วนใหญ่มาจากค่าใช้จ่ายด้านการตลาดที่เพิ่มขึ้น 34.5% และในส่วนค่าธรรมเนียมจ่ายและบริการที่เพิ่มขึ้น 16.2% ในขณะที่ผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นลดลง 10.8% และต้นทุนทางการเงินลดลง 1.6%”

“เคทีซียังเน้นการบริหารต้นทุนทางการเงินให้มีประสิทธิภาพ โดยสิ้นปี 2565 เคทีซีมีเงินกู้ยืมทั้งสิ้น 61,635 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2564 เท่ากับ 13.3% โดยมีโครงสร้างแหล่งเงินทุนจากเงินกู้ยืมระยะสั้นและระยะยาว คิดเป็นสัดส่วน 24% ต่อ 76% ตามลำดับ โดยเป็นเงินกู้ยืมจากธนาคารกรุงไทย 6,000 ล้านบาท สถาบันการเงินอื่นและสถาบันการเงินที่เกี่ยวข้อง 10,179 ล้านบาท และการออกหุ้นกู้จำนวน 45,456 ล้านบาท โดยมีต้นทุนการเงินที่ 2.4% อัตราส่วนของหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ที่ 2.2 เท่า ซึ่งต่ำกว่าภาระผูกพันที่กำหนดไว้ที่ 10 เท่า และมีวงเงินสินเชื่อคงเหลือ (Available Credit Line) จำนวน 20,709 ล้านบาท”

“สำหรับแผนกลยุทธ์ในปี 2566 เพื่อเตรียมขับเคลื่อนเคทีซีไปสู่รากฐานองค์กรที่แข็งแกร่ง “A Transition to the New Foundation” เคทีซีจะปรับเปลี่ยนครั้งใหญ่ ทั้งโครงการสร้างองค์กร กลยุทธ์ กระบวนการ เทคโนโลยีและบริการ ใน 3 แกนสำคัญคือ 1) บริหารจัดการโครงสร้างให้สอดคล้องกัน (Enterprise Architecture) ทั้งธุรกิจ ระบบไอทีและระบบปฏิบัติการ 2) ส่งเสริมให้บุคลากรพัฒนาทักษะสำคัญในด้านต่างๆ (Enterprise Skill Assets) ให้พร้อมที่จะก้าวไปกับเคทีซี และ 3) การบริหารจัดการข้อมูล (Enterprise Data Assets) ตั้งแต่การวางแผน จัดเก็บ การเข้าถึงและใช้ข้อมูล ตลอดจนการทำลายข้อมูล เน้นความปลอดภัย ถูกต้องและโปร่งใส เพื่อให้เคทีซีมีฐานข้อมูลคุณภาพ สนับสนุนการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพ”

“เคทีซียังเล็งเห็นโอกาสและมุ่งมั่นที่จะเติบโตในธุรกิจรับชำระค่าสินค้าและบริการ (Payment Business) และธุรกิจการให้สินเชื่อ (Retail Lending Business) โดยจะให้ความสำคัญกับการเพิ่มขึ้นของพอร์ตสินเชื่อ “เคทีซี พี่เบิ้ม รถแลกเงิน” เพื่อสร้างฐานลูกค้าให้มีปริมาณที่มากเพียงพอในการสร้างกำไรที่มั่นคง ขณะที่ธุรกิจบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคลจะเติบโตไปตามอัตราเร่งของธุรกิจนั้นๆ โดยยังคงมุ่งเน้นการหาลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง รวมทั้งสร้างสรรค์กิจกรรมทางการตลาดให้สอดคล้องกับบริบทสังคมที่เปลี่ยนแปลง ซึ่งอาจส่งผลให้ค่าใช้จ่ายทางการตลาดสูงขึ้น อีกทั้งจะมีการตั้งสำรองเพิ่มตามพอร์ตลูกหนี้ที่ขยายตัว ในส่วนของสภาพเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้น เคทีซีอาจต้องเผชิญกับต้นทุนการเงินที่สูงขึ้น รวมทั้งค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นจากด้านการตลาด และการตั้งสำรองตามคุณภาพของพอร์ตลูกหนี้ สำหรับลอยัลตี้ แพลตฟอร์ม “MAAI by KTC” (มาย บายเคทีซี) ซึ่งอยู่ในกลุ่มโมเดลธุรกิจที่มีการพัฒนาต่อเนื่อง ถึงแม้จะยังไม่สร้างรายได้ในช่วงแรกๆ เคทีซียังเชื่อมั่นว่าอัตราการเติบโตของปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตร และมูลค่ายอดลูกหนี้ที่ขยายตัวจะสามารถบรรลุเป้าหมายได้ตามคาด”

“ในส่วนของ KTBL จะเน้นการปล่อยสินเชื่อ Commercial Loans เช่น รถบรรทุก เป็นต้น โดยตั้งเป้าหมายยอดสินเชื่อใหม่ในปี 2566 เท่ากับ 3,000 ล้านบาท รวมทั้งจะยังนำเสนอผลิตภัณฑ์สินเชื่อเช่าซื้อให้กับลูกค้ารายย่อย แต่จะพิจารณาการปล่อยสินเชื่อตามคุณภาพของลูกค้า โดยคาดว่าในปี 2566 ธุรกิจจะสามารถเริ่มสร้างผลกำไรได้”

January 20, 2023

KTC achieves a new all-time high profit of Baht 7,140 million with receivables portfolio exceeds Baht 100,000 million and ready to drive the organization
towards a strong foundation.

KTC announces its operating results for the year 2022 which better than expected and achieves a new all-time high profit once again. Net profit in the separate financial statements equaled to Baht 7,140 million, increased by 14.2% and in the consolidated financial statements equaled to Baht 7,079 million, increased by 20.4%, while total receivables portfolio equaled to Baht 104,194 million. KTC is preparing to drive the organization towards a strong foundation under the concept of “A Transition to the New Foundation”, emphasizing its reputation as a trusted organization among all group of stakeholders.

Mr. Rathian Srimongkol, President & Chief Executive Officer, “KTC” or Krungthai Card Public Company Limited, states “The recovery of tourism sector and private sectors consumption from 4Q22 until now causes the Thai economy to expand accordingly, employment and labor income risen. As a result, the overall picture of the credit card and personal loan businesses resumed to grow continuously. This reflects consumer confidence and demand for personal loan still has room to grow.”

“In 2022, KTC operated its main business according to strategies and targets in various areas and the operating performance was better than expected accordingly compared to the same period of 2021. Both credit card receivables portfolio expanded by 15.4% and personal loan portfolio expanded by 10.4%, as well as KTC credit card spending volume with a noticeable growth of 21.7%, amounted to Baht 238,257 million, higher than the same period of 2019, which was the pre-COVID-19 period. It is likely that credit card spending volume will continue to increase in 2023. The new booking of “KTC P BERM CAR FOR CASH” receivables portfolio equaled to Baht 1,055 million after the announcement of the adjusted target in 3Q22. Nevertheless, KTC will focus on cooperating closely with KTB so that “KTC P BERM CAR FOR CASH” portfolio will achieve the new booking target of Baht 9,000 million by the end of 2023.”

“Although KTC’s credit card and personal loan portfolios have expanded in the past year, KTC still pays attention to the strict criteria for acquiring new customers from the beginning in order to maintain the quality of portfolio with low NPL ratio. Moreover, provisions and write-offs were adjusted properly according to portfolio nature in each business as it should be which cover risks that may occur in the future. The Company also managed to lower its finance costs, while the administrative expense increased from recruiting new members and marketing promotional campaign was also higher in order to invest in portfolio building. Total revenue grew mainly from an increase of interest income and fee income which expanded in response to an increase in business volume. Consequently, the Company was able to achieve the new highest profit record once again.”

“KTC’s operating results as of December 31, 2022; KTC has a total member base of 3,289,839 accounts; total loans to customers and accrued interest receivables amounted to Baht 104,194 million; NPL Ratio (% of total NPL) was at 1.8%. Credit Card Business has a total of 2,550,592 cards; credit card receivables equaled to Baht 69,462 million, NPL of credit card was at 1.1%. Personal Loan Business has a total of 739,247 accounts; personal loan receivables equaled to Baht 32,283 million; NPL of personal loan was at 2.8%. KTBL Lease Receivables amounted to Baht 2,449 million; NPL of lease receivables was at 8.9% which

decreased significantly due to the written-off of existing debt with full provisions. The Company also focuses more on acquiring new commercial loan customers in 2023. The number of new booking portfolio by the end of 2022 equaled to Baht 1,372 million.”

“In 2022, KTC’s total revenue equaled to Baht 23,231 million, increased by 8.3% compared to the year 2021 mainly from an increase of interest income (including credit usage fee) and fee income by 5.6% and 15.8% respectively. Total bad debt recovery equaled to Baht 3,421 million, increased by 4.7%. Total expense equaled to Baht 14,377 million, increased by 1.3% due to administrative expense increased by 10.8% mainly from an increase of marketing expense by 34.5% and an increase of fee expense by 16.2%. Expected credit loss decreased by 10.8% and finance costs dropped by 1.6%.”

“KTC still focuses on efficient cost of fund management. At the end of 2022, KTC’s total borrowing equaled to Baht 61,635 million, increased from 2021 by 13.3% whereas sources of fund structure were both from short-term and long-term borrowings at the ratio of 24%:76% respectively, comprising of loans from KTB amounted to Baht 6,000 million, from other financial institutions and related financial institutions amounted to Baht 10,179 million and debentures amounted to Baht 45,456 million. Cost of fund stood at 2.4%. Debt-to-equity ratio stood at 2.2 times, which is well below the bond covenant limited at 10 times and available credit lines equaled to Baht 20,709 million.”

“The business direction for 2023 is to drive KTC towards a strong organizational foundation under the concept of “A Transition to the New Foundation” where KTC will make a big change in terms of organizational structure, strategies, processes, technologies and services in 3 core dimensions which are 1) Enterprise Architecture – manage and align the whole business structures, IT systems and operating systems together 2) Enterprise Skill Assets – encourage KTC employee to develop important skills in various areas in order to move forward with the Company and 3) Enterprise Data Assets – manage information from planning, storing, accessing as well as data destruction, focusing on safety, accuracy and transparency so that KTC has a quality database supporting efficient operations.”

“KTC also foresees opportunities and strives to grow its payment business and retail lending business by paying special attention to increase “KTC P BERM CAR FOR CASH” receivables portfolio in order to acquire new customers to generate strong profit base. Meanwhile, credit card and personal loan businesses will grow at the accelerated rate by emphasizing on acquiring new customers as well as creating marketing activities in accordance with the changing circumstances. As a result, marketing expense and provisions may increase in accordance with the expanding portfolio. For the upcoming economic conditions, KTC may face higher cost of fund, as well as higher expense from marketing expense and provisions according to portfolio quality. For the loyalty platform “MAAI by KTC” (My by KTC) which was categorized in a constant developing business model, it may not generate income in the early stage. Nevertheless, KTC is confident that it will achieve growth target in terms of credit card spending and receivables portfolio expansion.”

“For KTBL’s business, the Company focuses on commercial loans acquisition such as trucks, etc., with a target of new booking for the year 2023 equaled to Baht 3,000 million. The company will also continue to offer loans to retail customers; however, the Company will grant loan according to the credit quality of customers. Thereby, this business expects to generate profit in 2023.”