ค่าย TO BE NUMBER ONE TEEN DANCERCISE 2023 “กิจกรรม…ที่ช่วยสร้างพลังบวกและเติมเต็มความฝันให้เยาวชน”

0
470

เมื่อเร็วๆนี้ที่วังรี รีสอร์ท จังหวัดนครนายก การจัด“กิจกรรมTO BE NUMBER ONE TEEN DANCERCISE CAMP 2023” หม่อมหลวงยุพดี ศิริวรรณ เลขาธิการมูลนิธิโครงการ TO BE NUMBER ONE และที่ปรึกษาโครงการ TO BE NUMBER ONE กล่าวว่า TO BE NUMBER ONE TEEN DANCERCISE CAMP 2023 เป็นการเข้าค่ายเพื่อเรียนรู้ด้านทักษะการเต้น, ทักษะและเทคนิคการนำเสนอและพัฒนา EQ เพื่อเตรียมพร้อมเข้าสู่การแข่งขัน TO BE NUMBER ONE TEEN DANCERCISE CAMP 2023 รอบชิงชนะเลิศระดับประเทศ กิจกรรมนี้เป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์การดำเนินโครงการ TO BE NUMBER ONE ที่ได้นำการเต้นมาเป็นตัวช่วยเพื่อการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันทางจิตใจให้กับเด็กและเยาวชน จากการที่ได้เห็นน้องๆที่ร่วมกิจกรรม DANCERCISE ในโครงการ TO BE NUMBER ONE รู้สึกได้เลยว่าปัจจุบันเยาวชนของเรามีความเปลี่ยนแปลงค่อนข้างมาก มีความกล้า มีความแข็งแรง มีความมั่นใจในการแสดงออกมากขึ้น บางคนเคยป่วย ไม่แข็งแรง พอได้มาเสริมทักษะการเต้น ก็ทำให้แข็งแรงขึ้น อาการดีขึ้น การเต้นไม่ใช่เรื่องไร้สาระ แน่นอนว่าการเต้นทำให้เรามีความสุข ทุกคนสนุกเต็มที่ แต่ที่เห็นชัดคือความแข็งแรง ความมั่นใจ มีสุขภาพที่ดีขึ้นด้วย นั่นคือเรื่องของสุขภาพ ที่บางคนอาจมองข้ามไป

หม่อมหลวงยุพดียังกล่าวอีกว่าค่าย TO BE NUMBER ONE TEEN DANCERCISE CAMP จัดขึ้นมาได้ เพราะพระเมตตาของทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี องค์ประธานโครงการ ที่ทรงให้โอกาสกับเด็กและเยาวชนได้เติมเต็มความฝัน ได้พัฒนาทักษะการเต้นที่ทุกคนชื่นชอบ มีโอกาสได้รับพลังบวก ให้ทุกคนได้มาอยู่รวมกัน มาฝึกฝนทักษะด้วยกันได้มีโอกาสรู้จักกัน ได้ทำกิจกรรมต่างๆร่วมกัน ทำให้ทุกคนเกิดการเรียนรู้ การปรับตัว ยอมรับในความเป็นเพื่อน เป็นพี่ เป็นน้อง ถือว่าเราเป็นครอบครัวเดียวกัน ผูกพันกัน

ดังนั้นในวันแข่งขันชิงชนะเลิศถ้าพี่หรือน้องเราชนะเราก็ควรยินดีด้วย แต่ถ้าเราไม่ได้ เราเสียใจได้ คนที่ได้ก็อาจต้องปลอบน้องปลอบเพื่อน เป็นกำลังใจให้แล้วกลับมาใหม่ อยากให้ทุกคนแสดงออกด้วยความสุข เพราะทุกคนก็ยังเป็นเพื่อนกัน เป็นครอบครัวเดียวกันที่รักกัน ดูแลกันและกัน ความเป็นหนึ่งไม่ใช่แค่เรื่องยาเสพติด แต่ทุกคนต้องมีความเป็นหนึ่งในฐานะสมาชิก TO BE NUMBER ONE เรามีสัญลักษณ์ TO BE NUMBER ONE ที่เราต้องร่วมกันรักษาไว้ ขอให้ทุกคนได้รับประโยชน์ สนุกและมีความสุขกับการมาเข้าค่ายครั้งนี้

น.ส.ฐิดาภา เนาวสุวรรณ “พิม” และน.ส.ทอฝัน ดำจี่น “ทอฝัน” เยาวชนที่ร่วมค่ายทีม BENZ The Show จากสถาบัน BENZ THE SHOW STUDIO รางวัลที่ 1 รุ่น Pre-Teenage ตัวแทนสสจ.ชุมพรจากภาคใต้ “พิม” เล่าว่าปีนี้เป็นปีแรกที่ลงแข่งขัน TO BE NUMBER ONE TEEN DANCERCISE ได้เข้ารอบระดับประเทศและได้มาเข้าค่าย เริ่มต้นมาจากการที่ตนเองต้องกินยาภูมิแพ้บ่อยๆ อยากออกกำลังกายแต่ไม่อยากไปฟิตเนสจึงเลือกที่จะเต้นแทน หลังจากมาเต้นก็ดีขึ้น เวลาเต้นแม้จะรู้สึกเหนื่อย ต้องฝึกท่าเต้นยากๆ แต่พอเราซ้อม เราทำได้ก็มีความสุข นอกจากจะภูมิใจที่ชนะรางวัลแล้ว ก็รู้สึกดีใจที่ได้เพื่อนใหม่ ได้สังคมใหม่ด้วย
“ทอฝัน” เล่าว่าส่วนตัวมีความฝันอยากเป็นนักเต้นอยู่แล้ว การเต้นสนุกมาก แม้จะเหนื่อย แต่ได้ออกกำลังกาย ทำให้เราได้ก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเอง การได้มาเข้าค่ายในครั้งนี้ ทำให้ได้เรียนรู้ทักษะการเต้นเพิ่มมากขึ้น จะนำความรู้ที่ได้จากการเรียนเต้นและเทคนิคต่างๆจากค่ายไปใช้พัฒนาฝึกฝนตนเองและกลับไปสอนน้องๆในทีม อยากบอกว่าโครงการ TO BE NUMBER ONE ให้สิ่งดีๆกับตนเองและเพื่อนๆมากมาย การเรียนรู้ต่างๆไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย อยากบอกทุกคนว่าเมื่อโอกาสมาถึง ควรคว้าเอาไว้ ขอเพียงมีใจรักในการเต้นและเปิดโอกาสให้ตนเอง

น.ส.นันทกร จุ่มสันกลาง “การ์ตูน” ทีม MAVERICK ทีมอิสระตัวแทน สสจ.ลำปาง รางวัลที่ 2 รุ่น Teenage จากภาคเหนือเล่าว่าเข้าแข่งขันในเวทีนี้เป็นปีที่ 2 ใช้เวลาในการซ้อมก่อนแข่งประมาณ 6 เดือน ร่วมแข่งโดยใช้ธีมแฮรี่พอตเตอร์ และได้มาเข้าค่าย รู้สึกประทับใจมาก บางอย่างเราก็ไม่เคยเรียนมาก่อน ก็มาได้ความรู้จากที่ค่ายสอน คาดหวังว่าประสบการณ์และเทคนิคการเต้นในรูปแบบใหม่ๆที่ได้ จะนำกลับไปพัฒนาทีมในการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ นอกจากเวทีการแข่งขันเต้นของ TO BE NUMBER ONE แล้ว ตนเองมีความฝันอยากเป็นนักเต้นมืออาชีพ เพราะตนเองไม่หยุดที่จะเรียนรู้ อยากพัฒนาตนเองตลอดไปเพื่อก้าวสู่ฝันให้ได้
ในขณะที่นายกิตติกวิน กุลพันเลิศ “ครูชาร์ม” ครูผู้คุมทีม MAVERICK เล่าวว่า ตนเองเดิมเป็นนักเต้นในโครงการ TO BE NUMBER ONE มาก่อนและได้ต่อยอดมาเป็นครู ฝึกซ้อมทีม MAVERICK เป็นครั้งแรก รู้สึกภูมิใจที่น้องๆสามารถเอาชนะทีมอื่นที่มีประสบการณ์มากกว่ามาได้ แม้ว่าน้องบางคนเริ่มจากศูนย์ไม่มีประสบการณ์การเต้นมาเลย ประโยชน์จากการฝึกซ้อมเต้นที่ได้คือทำให้น้องๆโตขึ้นมีความรับผิชอบ ตรงต่อเวลา มีพัฒนาการที่ดีขึ้น มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงขึ้น ทำให้ได้รับการยอมรับจากผู้ปกครองมากขึ้น และทีมก็ได้รับการสนับสนุนมากขึ้นด้วย