นายชูฉัตร ประมูลผล เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (เลขาธิการ คปภ.) เปิดเผยว่า จากกรณีรถยนต์หมายเลขทะเบียน กอ 2231 อุดรธานี เกิดเหตุชนกับรถจักรยานยนต์ที่จอดอยู่บนฟุตบาท ช่วงหลักกิโลเมตรที่ 24 + 600 ถนนสาย 2111 ขุนหาญ-พยุห์ หมู่ 13 ตำบลสำโรงพลัน อำเภอไพรบึง จังหวัดศรีสะเกษ เป็นเหตุให้ประชาชนที่เดินบนฟุตบาทริมถนนเพื่อมาเที่ยวงานภาพยนตร์กลางแปลงในหมู่บ้าน เสียชีวิต จำนวน 8 ราย บาดเจ็บ 6 ราย เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2566 นั้น
เบื้องต้นได้สั่งการให้สายคุ้มครองสิทธิประโยชน์ บูรณาการร่วมกับสายส่งเสริมและประกันภัยภูมิภาค สำนักงาน คปภ. ภาค 5 (อุบลราชธานี) และสำนักงาน คปภ. จังหวัดศรีสะเกษ ในฐานะเจ้าของพื้นที่เกิดเหตุ ตรวจสอบการทำประกันภัย พร้อมทั้งติดตามรายงานความเสียหายอย่างเร่งด่วนผ่าน Platform การรายงานข้อมูลกรณีอุบัติภัยกลุ่มหรือรายใหญ่ด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ รวมทั้งให้ลงพื้นที่เพื่ออำนวยความสะดวกด้านประกันภัยให้กับครอบครัวของผู้ประสบภัยอย่างเต็มที่ เพื่อให้ระบบประกันภัยช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้กับครอบครัวของผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นธรรม
ทั้งนี้ ได้รับรายงานจากสำนักงาน คปภ. จังหวัดศรีสะเกษ ได้ลงพื้นที่ทันทีและจากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า รถยนต์หมายเลขทะเบียน กอ 2231 อุดรธานี ทำประกันภัยภาคบังคับกับบริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน)
เริ่มคุ้มครองวันที่ 12 พฤศจิกายน 2566 สิ้นสุดความคุ้มครองวันที่ 12 พฤศจิกายน 2567 คุ้มครองกรณีเสียชีวิต หรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง 500,000 บาทต่อคน กรณีบาดเจ็บค่ารักษาสูงสุดไม่เกิน 80,000 บาทต่อคน กรณีสูญเสียอวัยวะ 200,000-500,000 บาทต่อคน กรณีทุพพลภาพอย่างถาวร 300,000 บาทต่อคน และกรณีเข้ารักษาในสถานพยาบาลในฐานะคนไข้ในจะได้รับค่าชดเชยรายวัน 200 บาทต่อวัน รวมกันไม่เกิน 20 วัน
นอกจากนี้รถยนต์คันดังกล่าวได้ทำประกันภัยภาคสมัครใจ ประเภท 2 ไว้กับบริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) เริ่มคุ้มครองวันที่ 31 ตุลาคม 2566 สิ้นสุดความคุ้มครองวันที่ 31 ตุลาคม 2567 โดยกรมธรรม์ให้ความคุ้มครองต่อความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย หรืออนามัยของบุคคลภายนอก จำนวน 1,000,000 บาทต่อคน 10,000,000 บาทต่อครั้ง ความรับผิดต่อทรัพย์สิน 2,500,000 บาทต่อครั้ง ในส่วนของความคุ้มครองรถยนต์คันเอาประกันภัย 100,000 บาทต่อครั้ง และตัวรถยนต์สูญหายไฟไหม้ 100,000 บาท สำหรับความคุ้มครองอุบัติเหตุส่วนบุคคลตามเอกสารแนบท้ายกรมธรรม์ กรณีเสียชีวิต สูญเสียอวัยวะ ทุพพลภาพของผู้ขับขี่จำนวน 200,000 บาท ผู้โดยสาร 4 คน ๆ ละ 200,000 บาทต่อคน และค่ารักษาพยาบาล 5 คน จำนวน 200,000 บาทต่อคน ประกันตัวผู้ขับขี่ 300,000 บาทต่อครั้ง
สำหรับการติดตามค่าสินไหมทดแทนให้กับครอบครัวของผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนี้ เบื้องต้นพนักงานสอบสวนเจ้าของคดีได้แจ้งข้อกล่าวหาผู้ขับขี่รถยนต์ ฐานความผิดขับขี่รถโดยประมาทเป็นเหตุทำให้ทรัพย์สินเกิดความเสียหายและทำให้มีผู้เสียชีวิต ทายาทโดยธรรมของผู้ประสบอุบัติเหตุที่เสียชีวิต จำนวน 8 ราย จะได้รับค่าสินไหมทดแทนรายละ 1,500,000 บาท จากการทำประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ (พ.ร.บ.) จำนวน 500,000 บาท และภาคสมัครใจประเภท 2 จำนวน 1,000,000 บาท โดยในวันที่ 26 พฤศจิกายน 2566 สำนักงาน คปภ.ภาค 5 (อุบลราชธานี) และ สำนักงาน คปภ. จังหวัดศรีสะเกษ ได้ประสานงานบริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) เพื่อรวบรวมเอกสารและอำนวยความสะดวกเพื่อดำเนินการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนอย่างรวดเร็ว
ส่วนผู้บาดเจ็บทั้ง 6 ราย ที่ถูกนำส่งเข้ารักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลศรีสะเกษ 4 คน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ 1 คน และบาดเจ็บเล็กน้อย 1 ราย ออกจากโรงพยาบาลแล้ว สำนักงาน คปภ. จังหวัดศรีสะเกษ ได้ประสานกับบริษัทประกันภัยเข้าไปอำนวยความสะดวกและรับรองสิทธิค่ารักษาพยาบาลกับโรงพยาบาลโดยตรง โดยผู้บาดเจ็บไม่ต้องสำรองจ่ายค่ารักษาแต่อย่างใด
นอกจากนี้ สำนักงาน คปภ. จะบูรณาการการทำงานร่วมกับสมาคมประกันชีวิตไทย และสมาคมประกันวินาศภัยไทย เพื่อตรวจสอบเพิ่มเติมว่าผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุครั้งนี้มีการทำประกันภัยประเภทอื่น ๆ ไว้ด้วยหรือไม่ หากตรวจสอบพบภายหลังว่าผู้ประสบภัยมีการทำประกันภัยประเภทอื่น ๆ เพิ่มเติมอีกก็จะช่วยประสานงานให้ได้รับค่าสินไหมทดแทนเพิ่มเติมตามสัญญาประกันภัยที่ระบุไว้
“สำนักงาน คปภ.ขอแสดงความเสียใจอย่างยิ่งกับครอบครัวของผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุครั้งนี้ และพร้อมจะดูแลในด้านประกันภัยอย่างเต็มที่ ทั้งนี้อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ทุกที่ ทุกเวลาและกับทุกคน เพื่อความอุ่นใจ ควรให้ความสำคัญกับการทำประกันภัยเพื่อช่วยบริหารความเสี่ยงภัย โดยเฉพาะการประกันภัยรถภาคบังคับ (พ.ร.บ.) การประกันภัยรถภาคสมัครใจ และการประกันภัยประเภทอื่น ๆ เพื่อให้ระบบประกันภัยช่วยบริหารความเสี่ยงและเยียวยาความสูญเสียต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือไม่ได้รับความเป็นธรรมด้านประกันภัยติดต่อสายด่วน คปภ. 1186” เลขาธิการ คปภ. กล่าวในตอนท้าย