คปภ. เร่งช่วยเหลือด้านประกันกรณีเสียชีวิต 5 ราย จากอุบัติเหตุรถกระบะข้ามเลนชนประสานงานที่จังหวัดบุรีรัมย์

0
1735

• บริษัทประกันภัยขานรับนัดจ่ายค่าสินไหมแล้วในวันที่ 20 มกราคม

ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (เลขาธิการ คปภ.) เปิดเผยว่า จากกรณีเมื่อวันที่ 16 มกราคม 2563 เวลาประมาณ 18.30 น. เกิดอุบัติเหตุรถยนต์กระบะ คันหมายเลขทะเบียน บร – 3482 บุรีรัมย์ เฉี่ยวชนกับรถยนต์กระบะหมายเลขทะเบียน ผจ – 1175 ขอนแก่น และรถยนต์กระบะหมายเลขทะเบียน กธ – 5738 บุรีรัมย์ เป็นเหตุให้รถยนต์ทั้ง 3 คัน ได้รับความเสียหาย และมีผู้เสียชีวิต 5 ราย เกิดเหตุที่ถนนบุรีรัมย์ – สตึก หน้าโรงสีสหสินข้าวไทย ตำบลบ้านยาง อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ โดยเบื้องต้น เลขาธิการ คปภ. ได้สั่งการให้สายคุ้มครองสิทธิประโยชน์ สายกลยุทธ์องค์กร บูรณาการร่วมกับสายส่งเสริมประกันภัยภูมิภาคโดยสำนักงาน คปภ. จังหวัดบุรีรัมย์ และสำนักงาน คปภ. ภาค 4 (นครราชสีมา) ในฐานะดูแลรับผิดชอบพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ ได้ตรวจสอบการทำประกันภัย และลงพื้นที่เพื่ออำนวยความสะดวกด้านประกันภัยให้กับทายาทผู้เสียชีวิต เพื่อใช้ระบบประกันภัยช่วยบรรเทาความเดือดร้อนอย่างเต็มที่

ทั้งนี้ ได้รับรายงานจาก สำนักงาน คปภ. จังหวัดบุรีรัมย์ ว่ารถยนต์คันหมายเลขทะเบียน บร – 3482 บุรีรัมย์ มี นายธีระพงษ์ สุจริตธรรม เป็นผู้ขับขี่และเป็นเจ้าของรถซึ่งเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ได้ทำประกันภัยภาคบังคับ (พ.ร.บ.) และประกันภัยภาคสมัครใจ(ประเภท 1) กับ บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) เริ่มความคุ้มครอง วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2562 สิ้นสุดความคุ้มครอง วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2563 โดยในเบื้องต้นจะได้รับค่าสินไหมทดแทนรวม จำนวน 235,000 บาท จากกรมธรรม์ประกันภัยภาคบังคับ (พ.ร.บ.) จำนวน 35,000 บาท และ สัญญาเพิ่มเติมประกันอุบัติเหตุ (PA) จากกรมธรรม์ประกันภัยภาคสมัครใจ(ประเภท 1) จำนวน 200,000 บาท

ส่วนรถยนต์หมายเลขทะเบียน บจ – 1175 ขอนแก่น ซึ่งมี นายวีระวุธ อินทจักร์ เป็นผู้ขับขี่ และ นางสาวภารดา โพธิมาศ เด็กชายภราวุธ โพธิ์มาศ และ เด็กชายวีวราวุฒิ โพธิมาศ เป็นผู้โดยสาร ได้เสียชีวิตทั้ง 4 ราย โดยรถดังกล่าวได้ทำประกันภัยภาคบังคับ (พ.ร.บ.) กับ บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) เริ่มความคุ้มครองวันที่ 16 มกราคม 2563 สิ้นสุดวันที่ 16 มกราคม 2564 และในเบื้องต้นทายาทผู้เสียชีวิตที่เป็นผู้โดยสาร จะได้รับค่าสินไหมทดแทนรายละ 300,000 บาท ส่วนทายาทผู้ขับรถที่เสียชีวิตในเบื้องต้นจะได้รับค่าสินไหมทดแทนจำนวน 35,000 บาท จากกรมธรรม์ประกันภัยรถภาคบังคับ (พ.ร.บ.)

และรถยนต์หมายเลขทะเบียน กธ – 5738 บุรีรัมย์ ซึ่งมี นายมูล พูนกลาง เป็นผู้ขับขี่ ได้ทำประกันภัยภาคบังคับ (พ.ร.บ.) และประกันภัยภาคสมัครใจ (ประเภท 1) กับ บริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) เริ่มความคุ้มครอง วันที่ 16 กรกฎาคม 2562 สิ้นสุดวันที่ 16 กรกฎาคม 2563 แม้ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต แต่รถยนต์ได้รับความเสียหาย จึงจะได้รับคุ้มครองความเสียหายต่อรถยนต์จากการประกันภัยภาคสมัครใจ (ประเภท 1)

สำหรับค่าสินไหมทดแทนตามสัญญาประกันภัยรถยนต์นอกเหนือจากนี้ ต้องรอผลคดีจากพนักงานสอบสวนก่อนว่าฝ่ายใดเป็นฝ่ายประมาท และ หากตรวจสอบพบภายหลังว่าผู้ประสบภัยมีการทำประกันภัยประเภทอื่นๆ เช่น กรมธรรม์ประกันชีวิต กรมธรรม์ประกันอุบัติเหตุ ฯลฯ จะได้รับค่าสินไหมทดแทนเพิ่มเติมตามสัญญาประกันภัยที่ระบุไว้อีกด้วย

ด้าน สำนักงาน คปภ. จังหวัดบุรีรัมย์ ได้ประสานเพื่อแจ้งสิทธิประโยชน์อันพึงมีพึงได้ ตลอดจนอำนวย
ความสะดวกด้านประกันภัยให้กับครอบครัวของผู้เสียชีวิตดังกล่าวแล้ว และได้ประสานกับบริษัทประกันภัยเพื่อดำเนินการตามกระบวนการจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้กับทายาทผู้เสียชีวิต โดยทายาทผู้ประสบภัยรายที่เอกสารพร้อม บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) ได้นัดหมายจ่ายค่าสินไหมทดแทนดังกล่าวในวันที่ 20 มกราคม 2563

“สำนักงาน คปภ. ขอแสดงความเสียใจอย่างยิ่งกับครอบครัวของผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุดังกล่าว ทั้งนี้ อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ทุกที่ทุกเวลาและทุกสถานที่ จึงควรให้ความสำคัญกับการทำประกันภัยเพื่อช่วยบริหารความเสี่ยงภัย และขอฝากเตือนประชาชน ควรใช้รถใช้ถนนด้วยความระมัดระวัง โดยเฉพาะเส้นทางการจราจรที่ไม่คุ้นเคย เพื่อลดความเสี่ยงต่อการสูญเสียที่จะเกิดขึ้นได้ รวมทั้งเตรียมสภาพร่างกายให้มีความพร้อมในระหว่างการใช้รถใช้ถนน และหมั่นตรวจสอบสภาพรถยนต์อย่างสม่ำเสมอ ตลอดจนตรวจวันหมดอายุกรมธรรม์ประกันภัยรถภาคบังคับ(ประกันภัย พ.ร.บ.) ตามที่กฎหมายกำหนด รวมทั้งควรทำประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ ประกันอุบัติเหตุ และประกันชีวิตอื่นๆ ด้วย เพื่อที่ระบบประกันภัย จะได้เข้ามาช่วยบริหารความเสี่ยงและเยียวยาความสูญเสียต่างๆ ที่เกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ และหากต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการประกันภัยสามารถสอบถามได้ที่ สายด่วน คปภ. 1186” เลขาธิการ คปภ. กล่าวในตอนท้าย