เอไอเอ ประเทศไทย จับมือธนาคารกรุงเทพ จัดเสวนา The Exclusive Life Journey วางแผนการเงิน สู่ความมั่นคงในแบบของคุณ

0
813

เอไอเอ ประเทศไทย นำโดย นางสาวเจน เทย์ (ที่ 2 จากซ้าย) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายพันธมิตรธุรกิจแบงก์แอสชัวรันส์เชิงกลยุทธ์ จับมือกับธนาคารกรุงเทพ นำโดย นางสาวพจณี คงคาลัย (ที่ 3 จากขวา)

ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ บริหารความสัมพันธ์และการขาย สายลูกค้าบุคคล นางสาวพรพิมล ตรงเที่ยงธรรม (ที่ 2 จากขวา) ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ นางสาวสุญาณี ภูริปัญญวานิช (ขวาสุด) ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ผู้จัดการพัฒนาผลิตภัณฑ์ลูกค้าบุคคลนายบอย ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์ และ นายอธิป กีรติพิชญ์

 เอไอเอ ประเทศไทย ร่วมมือกับธนาคารกรุงเทพ จัดงานเสวนาในหัวข้อ The Exclusive Life Journey วางแผนการเงิน สู่ความมั่นคงในแบบของคุณ สำหรับลูกค้าบัวหลวง เอ็กซ์คลูซีฟ ซึ่งเป็นความตั้งใจของเอไอเอ และธนาคารกรุงเทพที่ต้องการส่งมอบประสบการณ์ด้านการประกันชีวิตและการเงิน ตลอดจนช่วยสนับสนุนให้ลูกค้าได้มีการวางแผนทางการเงินเพื่อก้าวสู่ความมั่งคั่งอย่างยั่งยืน เพื่อตอบโจทย์เป้าหมายทางการเงินของลูกค้าแต่ละราย พร้อมเปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ของผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตควบการลงทุน บี ทูเกตเทอร์ เซฟพลัส ลิงค์ (Be Together Save+ Linked) โดยถ่ายทอดเรื่องราวการวางแผนชีวิต การเงิน และการลงทุน ให้ทุกเป้าหมายที่ออกแบบเป็นไปได้ โดยได้ บอย ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์ นักแสดงมากความสามารถมานำแสดง พร้อมกันนี้ยังได้ร่วมแชร์วิธีคิดและแนวทางการออกแบบการเงินและการลงทุนในสไตล์ของบอย ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์ ณ โรงแรมแบงค็อก แมริออท เดอะ สุรวงศ์

อีกทั้งยังเพิ่มความเข้มข้นในส่วนของการให้ความรู้ความเข้าใจกับลูกค้าที่มาร่วมงาน ด้วยการอัปเดตแนวโน้มสภาวะเศรษฐกิจในยุคปัจจุบัน โดย นิ้วโป้ง อธิป กีรติพิชญ์ นักลงทุนมากประสบการณ์ และคอลัมนิสต์ด้านการลงทุน ซึ่งมาร่วมให้ข้อมูลและวิเคราะห์สถานการณ์ตลาดที่เป็นประโยชน์ในยุคเศรษฐกิจผันผวน รวมทั้งให้เกร็ดความรู้ที่น่าสนใจเกี่ยวกับการวางแผนการเงินและการลงทุน นอกจากนี้ยังได้แนะนำเครื่องมือทางการเงินที่เหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันที่สามารถเพิ่มโอกาสให้ไปสู่เป้าหมายทางการเงินเพื่อความมั่งคั่งได้อย่างมั่นคงอีกด้วย

นางสาวเจน เทย์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายพันธมิตรธุรกิจแบงก์แอสชัวรันส์เชิงกลยุทธ์ เอไอเอ ประเทศไทย กล่าวว่า “เอไอเอ มุ่งเน้นที่จะพัฒนาและออกแบบผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตที่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าในปัจจุบัน โดยการนำเสนอผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตควบการลงทุน Be Together Save+ Linked[1] ซึ่งเป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่ถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ลูกค้าที่มีความสนใจในด้านการลงทุนและมองหาความคุ้มครองชีวิตไปพร้อมกัน โดยมีจุดเด่นผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย[2] อาทิ
• ระยะเวลาชำระเบี้ยประกันภัยคือ 8 ปี พร้อมรับความคุ้มครองระหว่างทางสูงสุดถึงอายุ 99 ปี หรือตราบเท่าที่ มูลค่ารับซื้อคืนหน่วยลงทุน เพียงพอหักค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ตามตารางค่าธรรมเนียมกรมธรรม์
• ได้รับโบนัสเพิ่มเงินออม 12% ของค่าเบี้ยประกันภัยหลักปีแรก 1 ครั้ง โดยกรมธรรม์มีผลบังคับอย่างน้อย 8 ปีกรมธรรม์ และผู้เอาประกันภัยต้องชำระเบี้ยประกันภัยหลักครบทุกงวด
• สามารถปรับเปลี่ยนเป้าหมาย การออมในรูปแบบประกันชีวิตและการลงทุนให้เหมาะสมกับช่วงชีวิตได้
• รับความคุ้มครองต่อเนื่อง 8 ปี เมื่อผู้เอาประกันภัยชำระเบี้ยประกันภัยหลักครบตามกำหนดชำระเบี้ยประกันภัยทุกงวด และไม่เคยถอนเงิน หรือลดเบี้ยประกันภัยหลัก
• เมื่อมูลค่าบัญชีกรมธรรม์ถึงตามที่วางแผนไว้ ลูกค้าสามารถเลือกได้ว่าจะ
– ถอนเงินจากกรมธรรม์เพื่อรับมูลค่ารับซื้อคืนหน่วยลงทุนตามแผนที่ตั้งใจไว้ หรือ
– ถือกรมธรรม์ต่อ เพื่อโอกาสรับผลตอบแทนจากการลงทุนในระยะยาว พร้อมรับความคุ้มครองชีวิต

เราเชื่อว่าการร่วมกันออกแบบผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตควบการลงทุน Be Together Save+ Linked เป็นการตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นร่วมกันของทั้งทางเอไอเอ ประเทศไทย และธนาคารกรุงเทพ ในการช่วยให้ลูกค้ามีทางเลือกในการวางแผนทางการเงินและการลงทุนที่เหมาะสม เพื่อสนับสนุนให้ลูกค้าของเราไปถึงเป้าหมายทางการเงินตามที่ได้วางแผนไว้อย่างมั่นคง”

นางสาวพรพิมล ตรงเที่ยงธรรม ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ธนาคารได้ร่วมมือกับ เอไอเอ ประเทศไทย ในฐานะพันธมิตรหลักด้านประกันชีวิต ร่วมกันพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตควบการลงทุน (ยูนิต ลิงค์) รูปแบบใหม่ ภายใต้ชื่อ “Be Together Save+ Linked” เพื่อให้ลูกค้ากำหนดเป้าหมายทางการเงิน ได้ด้วยตนเอง พร้อมโอกาสได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในช่วงนี้ที่แนวโน้มเศรษฐกิจกำลังฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง และมีความยืดหยุ่นหากลูกค้าต้องการปรับเปลี่ยนเป้าหมายทางการเงินการลงทุนด้วยตนเองในอนาคต มีโบนัสเพิ่มเงินออมให้สูงถึง 12% ของเบี้ยประกันภัยหลักปีแรก เมื่อชำระเบี้ยประกันครบตามกำหนด ซึ่งจะช่วยเพิ่มมูลค่าของเงินออมให้มากขึ้น ขณะเดียวกัน ลูกค้ายังได้รับความคุ้มครองชีวิตในรูปแบบที่ต้องการ โดยถูกออกแบบให้จ่ายเบี้ยประกันภัยเพียง 8 ปี ช่วยให้วางแผนการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่สามารถได้รับความคุ้มครองยาวถึงอายุ 99 ปี พร้อมกับซื้อสัญญาเพิ่มเติมเพื่อคุ้มครองค่ารักษาพยาบาล โรคร้ายแรง และอุบัติเหตุได้อีกด้วย

“ธนาคารให้ความสำคัญกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินที่ตอบสนองความต้องการในทุกช่วงวัยของลูกค้าเป็นสำคัญ ภายใต้แนวคิด Lifetime Protection Partnership หรือการเป็น “เพื่อนคู่คิด” ที่พร้อมจะดูแลและส่งมอบประสบการณ์ที่มากกว่าการประกันชีวิตให้กับลูกค้า ผ่านการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการในทุกช่วงชีวิต ด้วย “Be Together Save+ Linked” โดยตอบสามารถตอบโจทย์ทั้งกลุ่มลูกค้าที่เคยทำประกันชีวิตอยู่แล้ว แต่ต้องการเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนจากเงินลงทุนเพิ่มขึ้นได้ด้วยตัวเอง และกลุ่มลูกค้าที่เข้าใจเรื่องการลงทุนแต่ต้องการความมั่นคงปลอดภัยจากความคุ้มครองชีวิต” นางสาวพรพิมล กล่าว

ทั้งนี้ลูกค้าที่สนใจผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตควบการลงทุน Be Together Save+ Linked สามารถปรึกษาและวางแผนประกันชีวิตได้ที่ธนาคารกรุงเทพ สาขาที่ให้บริการ หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่บัวหลวงโฟน 1333 หรือติดต่อเอไอเอ คอลเซ็นเตอร์ 02-353-8855 ทุกวัน เวลา 8.00-22.00 น.

หมายเหตุ:
[1] Be Together Save+ Linked (บี ทูเกตเทอร์ เซฟพลัส ลิงค์) เป็นชื่อทางการตลาดของแบบ Be Together Save Plus Linked (Unit Linked) (บี ทูเกตเทอร์ เซฟพลัส ลิงค์ (ยูนิต ลิงค์)
[2] ข้อกำหนดและเงื่อนไขเป็นไปตามบริษัทเอไอเอ จำกัด และธนาคารกรุงเทพ กำหนด

• ข้อมูลนี้เป็นเพียงข้อมูลเบื้องต้นเพื่อประกอบการนำเสนอเท่านั้น ผู้ขอเอาประกันภัยควรศึกษาและทำความเข้าใจรายละเอียดรวมทั้งข้อยกเว้นไม่คุ้มครองของผลิตภัณฑ์ประกันภัยก่อนตัดสินใจทำประกันภัยทุกครั้ง เมื่อได้รับกรมธรรม์แล้วโปรดศึกษารายละเอียด ข้อกำหนดและเงื่อนไขของความคุ้มครองที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ประกันภัยที่ออกให้กับผู้ถือกรมธรรม์

เกี่ยวกับกลุ่มบริษัทเอไอเอ
กลุ่มบริษัทเอไอเอ และบริษัทในเครือ (รวมเรียกว่า “เอไอเอ” หรือ “กลุ่มบริษัทเอไอเอ”) เป็นกลุ่มบริษัทประกันชีวิตที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์และมีการบริหารจัดการอย่างอิสระ มีบริษัทในเครือและสำนักงานสาขาใน 18 ประเทศทั่วเอเชียแปซิฟิก ทั้งในประเทศจีน เขตปกครองพิเศษฮ่องกง ไทย สิงคโปร์ มาเลเซีย ออสเตรเลีย กัมพูชา อินโดนีเซีย เมียนมาร์ นิวซีแลนด์ ฟิลิปปินส์ เกาหลีใต้ ศรีลังกา ไต้หวัน (จีน) เวียดนาม บรูไน และเขตปกครองพิเศษมาเก๊า และเป็นผู้ถือหุ้นร่วมทุน 49% ในประเทศอินเดีย

เอไอเอเริ่มต้นธุรกิจครั้งแรกในเมืองเซี่ยงไฮ้เมื่อศตวรรษที่ผ่านมา ในปี 2462 โดยเป็นผู้นำตลาดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (ยกเว้นประเทศญี่ปุ่น) ในด้านเบี้ยประกันภัยรับจากธุรกิจประกันชีวิต และเป็นผู้นำตลาดโดยส่วนใหญ่ในภูมิภาค โดยมีสินทรัพย์รวมอยู่ที่ 302 พันล้านเหรียญสหรัฐ ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2565

กลุ่มบริษัทเอไอเอนำเสนอผลิตภัณฑ์ในการออมเงินระยะยาวและความคุ้มครองชีวิตแก่ลูกค้าบุคคลผ่านผลิตภัณฑ์และบริการที่หลากหลาย ทั้งการประกันชีวิต การประกันภัยอุบัติเหตุและสุขภาพ และการวางแผนทางการเงินในวัยเกษียณ นอกจากนี้ กลุ่มบริษัทเอไอเอยังให้บริการลูกค้าองค์กรผ่านผลิตภัณฑ์สวัสดิการพนักงาน ประกันสินเชื่อ และให้บริการเป็นผู้จัดการกองทุนสำรองเลี้ยงชีพผ่านเครือข่ายตัวแทน พันธมิตรและพนักงานทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยเอไอเอมีลูกค้าที่ถือครองกรมธรรม์ประกันชีวิตรายบุคคลที่มีผลบังคับมากกว่า 40 ล้านกรมธรรม์ และเป็นสมาชิกกรมธรรม์ประกันกลุ่มมากกว่า 17 ล้านคน

กลุ่มบริษัทเอไอเอจดทะเบียนในกระดานหุ้นหลักของตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง ภายใต้รหัสหลักทรัพย์ “1299” สำหรับ American Depositary Receipts (ระดับ 1) มีการซื้อขายหลักทรัพย์นอกตลาดหลักทรัพย์ (Over-the-Counter) ภายใต้สัญลักษณ์ AAGIY

เกี่ยวกับ ธนาคารกรุงเทพ
ธนาคารกรุงเทพก่อตั้งในปี 2487 ปัจจุบันเป็นธนาคารขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และเป็นธนาคารขนาดใหญ่อันดับ 6 ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เมื่อพิจารณาจากสินทรัพย์รวม ในฐานะธนาคารชั้นนำของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ธนาคารมีสาขาใน 9 ประเทศในอาเซียน และสาขาในฮ่องกง ญี่ปุ่น ไต้หวัน สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา โดยบริษัทย่อยในต่างประเทศที่สำคัญ คือ ธนาคารกรุงเทพ เบอร์ฮาด ประเทศมาเลเซีย ธนาคารกรุงเทพ (ประเทศจีน) และธนาคารเพอร์มาตา ประเทศอินโดนีเซีย ธนาคารกรุงเทพให้บริการทางการเงินหลากหลายรูปแบบอย่างครบวงจร โดยจำแนกการดำเนินธุรกิจ เป็น 6 กลุ่ม ได้แก่ ธุรกิจลูกค้ารายใหญ่ ธุรกิจลูกค้ารายกลาง ธุรกิจลูกค้ารายปลีก ธุรกิจลูกค้าบุคคล ธุรกิจธนาคารต่างประเทศ และธุรกิจการเงินธนกิจ ตั้งแต่เริ่มก่อตั้งในปี 2487 ธนาคารยืนหยัดสร้างความเชื่อมั่นและสนับสนุนภาคธุรกิจและประชาชนให้สามารถจัดการด้านการเงินได้อย่างเหมาะสมเท่าทันกับสถานการณ์โลกที่เปลี่ยนแปลงไป