อลิอันซ์ อยุธยา ประกันภัย ตั้งเป้าเบี้ยประกันภัยรับรวม1.02 หมื่นล้านบาท ควบรวมธุรกิจกับเอ็ทน่า ดันบริษัทขึ้นสู่อันดับ 8 ประกันวินาศภัย รากฐานแกร่งพร้อมเติบโต

0
401

บมจ. อลิอันซ์ อยุธยา ประกันภัย รายงานผลประกอบการแข็งแกร่งในปี 2656 ที่ผ่านมา รวมทั้งความสำเร็จในการควบรวมกิจการกับเอ็ทน่า (ประเทศไทย) ด้วยช่องทางขายที่สมดุล พร้อมด้วยพอร์ทผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมทั้งประกันรถยนต์ ประกันภัยอื่นๆ และประกันสุขภาพ บริษัทตั้งเป้าเติบโต สร้างเบี้ยรับรวมแตะ 1.02 หมื่นล้านบาทในปี 2566

มร.ลาร์ส ไฮบุทสกี้ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. อลิอันซ์ อยุธยา ประกันภัย กล่าวว่า การดำเนินงานในปี 2565 ที่ผ่านมา บริษัทฯได้ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม สร้างผลงานเบี้ยประกันภัยรวมเกินกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยสร้างเบี้ยประกันภัยรับรวม 6.7 พันล้าน เติบโตอยู่ที่ 17 % ในขณะที่ตลาดประกันวินาศภัยเติบโตเพียงแค่ 3.6% โดยจากเบี้ยประกันภัยรับรวมทั้งหมด มาจากช่องทางธนาคารและพันธมิตร (FI & Partnership) 3.1 พันล้านบาท เติบโต 28%และช่องทางตัวแทนและโบรกเกอร์ (Agency & Broker) 2.5 พันล้านบาท เติบโต 14% และลูกค้าองค์กร (Corporate) 1.1 พันล้านบาท โดยในธุรกิจทั้งหมดนี้ แบ่งเป็นสัดส่วนเบี้ยประกันภัยที่มาจากรถยนต์ และ ที่ไม่ใช่รถยนต์ อย่างละครึ่ง โดยเบี้ยประกันภัยรถยนต์ (Motor) 3.3 พันล้านบาท และเบี้ยประกันภัยที่ไม่ใช่รถยนต์ (Non-Motor) 3.4 พันล้านบาท ในขณะที่ฐานะการเงินยังแข็งแกร่ง ด้วยสินทรัพย์กว่า 1.07 หมื่นล้านบาท มีเงินกองทุนสำรอง (Risk-based capital) ถึงกว่า 365% สูงกว่ามาตรฐานที่กฎหมายกำหนดถึง 225% (ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2565)

นอกจากนั้น ยังประสบความสำเร็จในการควบรวมกิจการกับเอ็ทน่า (ประเทศไทย) สู่แบรนด์ อลิอันซ์ อยุธยา ได้เสร็จสิ้นสมบูรณ์อย่างราบรื่นในวันที่ 1 มีนาคม 2566 ที่ผ่านมา ทำให้ อลิอันซ์ อยุธยา ประกันภัย เพิ่มส่วนแบ่งการตลาดของประกันภัยวินาศภัยขยับขึ้นเป็นอันดับ 8 ซึ่งจากการควบรวมนี้ จะช่วยเพิ่มศักยภาพในการดำเนินธุรกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขยายธุรกิจประกันสุขภาพ หลังจากได้พอร์ทจากทางเอ็ทน่าเข้ามาเสริมทัพ ทำให้ อลิอันซ์ อยุธยา แข็งแกร่งขึ้น สามารถดำเนินธุรกิจตามพันธสัญญาในการมอบความคุ้มครองด้านสุขภาพที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าในประเทศไทยได้ดียิ่งขึ้น
สำหรับทิศทางการดำเนินธุรกิจในปี 2566 อลิอันซ์ อยุธยา ประกันภัย จะมุ่งสร้างองค์กรสู่การเติบโตภายใต้ความแข็งแกร่งของแบรนด์ อลิอันซ์ อยุธยา ทั้งประกันภัยรถยนต์และประกันภัยที่ไม่ใช่รถยนต์ รวมทั้ง ประกันสุขภาพ ผ่าน 3 กลยุทธ์หลัก ได้แก่
(1) Growth Engine มุ่งผลักดันการเติบโตผ่านช่องทางการขายที่หลากหลาย ให้กับลูกค้าทั้งรายเดี่ยว SME และลูกค้าองค์กรขนาดใหญ่ โดยบริษัทฯตั้งเป้าขยายธุรกิจทั่วประเทศผ่าน ช่องทางตัวแทนและโบรกเกอร์ (Agency & Broker) พัฒนาผลิตภัณฑ์ เทคโนโลยีเครื่องมือการขายที่ง่าย รวดเร็ว เอื้ออำนวยต่อการปิดการขายที่มีประสิทธิภาพ ช่องทางพันธมิตร (FI & Partnership) เน้นการขยายความร่วมมือและมอบโซลูชั่นส์ที่ปรับให้เหมาะสมกับลูกค้าแต่ละราย ให้กับสถาบันการเงิน ธนาคาร และธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์ต่างๆ ช่องทางขายตรงสำหรับประกันสุขภาพ (Direct to Customer) เน้นการขายประกันสุขภาพผ่านเครือข่ายและทีมงานผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ และยังคงมุ่งมั่นขยายธุรกิจทีมช่องทางธุรกิจ (Commercial Business) เน้นให้ความคุ้มครองลูกค้ารายใหญ่ ผ่านความเชี่ยวชาญของกลุ่มอลิอันซ์ในด้านการพิจารณารับประกัน ทั้งในระดับประเทศ และระดับโลก รวมทั้งความมั่นคงแข็งแกร่งของกลุ่มอลิอันซ์

(2) Business Platform มุ่งยกระดับรูปแบบการดำเนินธุรกิจ เน้นการพัฒนาบริการที่ยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง เพื่อยกระดับความพึงพอใจ โดยในปีที่ผ่านมา เราได้รับคะแนนความพึงพอใจจากลูกค้าในระดับที่ลูกค้ามีความภักดีต่อแบรนด์ในระดับสูงมาก คะแนนสูงกว่าค่ามาตรฐานตลาดสองเท่า อีกทั้งยังมุ่งเดินหน้าร่วมมือกับพัฒนาพัฒนาบริการ ไม่ว่าจะเป็นอู่ซ่อมรถยนต์และบริษัทสำรวจภัย ซึ่งเป็นด่านหน้าในการให้บริการลูกค้า อีกทั้ง ยังมีการนำเทคโนโลยี AI เข้ามาช่วยเสริมความสะดวกให้กับลูกค้าผ่านระบบการเคลมด้วยตัวเองผ่านแอปพลิเคชัน ซึ่งจะสามารถอนุมัติการเคลมได้จบกระบวนการใน 3 นาที ทำให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่รวดเร็วและเพิ่มความพอใจในภาพรวม

(3) Future Positioning สร้างอนาคตสู่ความแข็งแกร่งและยั่งยืน ด้วยการให้ความสำคัญกับวัฒนธรรมองค์กร ความผูกพันของพนักงาน โดยที่ผ่านมา คะแนนความผูกพันของพนักงานพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2562 และเราอยากผลักดันให้อลิอันซ์ อยุธยา เป็นนายจ้างที่คนอยากร่วมงานด้วยมากที่สุด นอกจากนั้น เรายังมุ่งใส่ใจการดำเนินธุรกิจที่สร้างความยั่งยืน สร้างให้เกิดการมีส่วนร่วมของพนักงานในการใส่ใจสิ่งแวดล้อมและดูแลสังคม

“สำหรับปี 2566 นี้ ถือเป็นปีที่อลิอันซ์ อยุธยา ประกันภัย อยู่ในจุดที่แข็งแกร่งพร้อมสร้างการเติบโต ด้วย แบรนด์ที่มีความแข็งแกร่ง ความมั่นคงด้านการเงิน และความเชี่ยวชาญทางธุรกิจทั้งวินาศภัยและสุขภาพ เราพร้อมมอบผลิตภัณฑ์และบริการที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า โดยตั้งเป้าสร้างเบี้ยประกันภัยรับรวมที่ 1.02 หมื่นล้านบาทในปีนี้” มร.ลาร์ส ไฮบุทสกี้ กล่าวทิ้งท้าย