รัฐบาลโดยกระทรวงการคลัง และ กระทรวงดีอีเอส ชวนคนไทยช้อปสินค้าเด็ดทั่วไทย ด้วยมาตรการ “ชิม ช้อป ใช้”  ผ่าน G-Wallet 2 ที่เว็บไซต์ thailandpostmart.com 

0
1551

กรุงเทพฯ 6 ธันวาคม 2562 – กระทรวงการคลัง กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด และ ธนาคารกรุงไทย จับมือเดินหน้าสนองนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ผ่านมาตรการ “ชิม ช้อป ใช้” ทั้ง 3 เฟส ขยายการใช้จ่ายในส่วนของ G-Wallet 2 ให้สามารถซื้อสินค้าและบริการผ่านระบบเว็บไซต์กลางที่สามารถตรวจสอบธุรกรรมได้ โดยมอบให้ไปรษณีย์ไทยซึ่งมีเว็บไซต์ thailandpostmart.com แหล่งรวมสินค้าชุมชนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เป็น e-Marketplace ร่วมกับธนาคารกรุงไทย พัฒนาระบบการชำระเงินด้วยแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” เมื่อช้อปสินค้าในเว็บไซต์ thailandpostmart.com พร้อมมอบสิทธิพิเศษสำหรับผู้ที่ใช้จ่ายผ่าน G-Wallet 2 ได้แก่ ต่อที่ 1 รับเงินคืน หรือแคชแบ็ค (Cash Back) จากมาตรการ “ชิม ช้อป ใช้” โดยยอดซื้อไม่เกิน 30,000 บาท รับแคชแบ็ค 15% และยอดซื้อตั้งแต่ 30,001 – 50,000 บาท รับแคชแบ็ค 20% ต่อที่ 2 เมื่อช้อปสินค้าหมวด ชิม ช้อป ใช้ ครบ 1,000 บาทขึ้นไป รับคูปองส่วนลด 5% สำหรับการใช้จ่ายสินค้าในหมวดอื่นๆ ในครั้งถัดไป และต่อที่ 3 บริการขนส่งสินค้าจากออนไลน์สู่ปลายทางทุกที่ทั่วไทยด้วยบริการ EMS ส่งถึงผู้รับภายใน 1-2 วันนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวว่า กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดศ.) ได้เล็งเห็นถึงศักยภาพของไปรษณีย์ไทยในการเป็นหน่วยงานหลัก ที่ได้พัฒนาระบบงานร้านค้าออนไลน์ ระบบการชำระเงินค่าสินค้า และระบบการขนส่ง เพื่อสร้างโอกาสให้ร้านค้าชุมชนด้วยการนำสินค้าจากชุมชนมาจำหน่ายผ่านเว็บไซต์ thailandpostmart.com แบ่งหมวดสินค้าเป็น 8 กลุ่มหลัก ได้แก่ อร่อยทั่วไทย ของดีประจำจังหวัด สินค้าชุมชน สินค้าไปรษณีย์ สุขภาพและความงาม บ้านและสวน ยานยนต์ และสินค้าฮาลาล โดยปัจจุบันมีผู้ประกอบการขึ้นทะเบียนร้านค้ากว่า 4,000 ราย และมีสินค้าซึ่งเป็นของดีของเด่นจากทั่วประเทศมากกว่า 17,000 รายการ ซึ่งความร่วมมือกับกระทรวงการคลังในครั้งนี้นับเป็นโอกาสดี ในการเพิ่มยอดจำหน่ายสินค้าของวิสาหกิจชุมชน และเพิ่มสิทธิในการช้อปออนไลน์ของผู้ที่ลงทะเบียนในมาตรการ “ชิม ช้อป ใช้” ด้วย โดยจะช่วยให้เกิดการหมุนเวียนเม็ดเงินในระบบเศรษฐกิจ และกระจายรายได้สู่ผู้ประกอบการรายย่อย กลุ่มวิสาหกิจชุมชนมากยิ่งขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาสามารถสร้างรายได้หมุนเวียนกลับสู่ชุมชนได้มากถึงปีละกว่า 31 ล้านบาท สำหรับผู้สนใจสามารถช้อปสินค้าที่ร่วมมาตรการ “ชิม ช้อป ใช้” ที่เว็บไซต์ thailandpostmart.com และ ที่ทำการไปรษณีย์ 20 แห่งในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยไปรษณีย์ไทยพร้อมจัดส่งด้วยระบบการขนส่งสินค้า ที่สะดวก ปลอดภัย มีมาตรฐาน

ดร.ชาญกฤช เดชวิทักษ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติงานกระทรวงการคลัง กล่าวว่า จากการที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติ เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2562 เห็นชอบมาตรการ “ชิม ช้อป ใช้” ปรับปรุงเงื่อนไข ให้ใช้จ่ายได้ทุกจังหวัดรวมทั้งที่อยู่ตามสำเนาทะเบียนบ้าน พร้อมขยายระยะเวลาการใช้จ่ายผ่านกระเป๋า G-Wallet 2 ทั้ง 3 เฟส ถึงวันที่ 31 มกราคม 2563 ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการจับจ่ายใช้สอยของประชาชน และช่วยขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจต่างประเทศประสบปัญหา รวมถึงเป็นการสนับสนุนนโยบาย e-Payment หรือการจ่ายเงินผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ของรัฐบาลให้กระจายออกในวงกว้างสู่ผู้ประกอบการในชุมชน เป็นการขยายตลาดและยกระดับให้สินค้าและบริการท้องถิ่นสามารถซื้อขายผ่านระบบออนไลน์ได้ จึงเล็งเห็นว่าไปรษณีย์ไทยสามารถเข้ามามีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมมาตรการ “ชิม ช้อป ใช้” ให้เกิดการซื้อขายด้วยระบบ e-Commerce ได้ โดยจากการลงพื้นที่หลายจังหวัด เช่น นครปฐม สมุทรปราการ นครราชสีมา สุพรรณบุรี และล่าสุดที่ จ.เชียงใหม่ พ่อค้าแม่ค้ามียอดขายเพิ่มขึ้น รวมถึงประชาชนตามตลาดต่างๆ ชื่นชอบโครงการนี้ และคุ้นเคยกับการใช้จ่ายในรูปแบบสังคมไร้เงินสดมากขึ้น

นอกจากนี้ได้ถือโอกาสเชิญชวนวิสาหกิจชุมชนต่างๆ หรือชาวบ้านที่ผลิตสินค้าตามโครงการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ (โอทอป) สมัครเข้าร่วมมาตรการ “ชิม ช้อป ใช้” เพื่อเป็นช่องทางขายสินค้าให้ได้เพิ่มมากขึ้น ไม่ว่าจะจำหน่ายบนออนไลน์ ผ่านเว็บไซต์ thailandpostmart.com หรือผ่านหน้าร้าน ซึ่งเป็นโอกาสดีที่รัฐบาลจะจัดงานใหญ่ปลายปี OTOP City 2019 ในวันที่ 15 – 23 ธันวาคมที่จะถึงนี้ที่เมืองทองธานี เพื่อให้ประชาชนสามารถไปเลือกซื้อกระเช้าของขวัญและสินค้าโอทอปประเภทต่างๆ ทั้งที่ได้เข้าร่วมมาตรการ “ชิม ช้อป ใช้” แล้ว และกำลังจะเข้าร่วมโครงการ ซึ่งอยากเชิญชวนให้ช่วยกันสนับสนุนเพื่อเพิ่มรายได้ให้แก่ประชาชนในชนบท ทำให้เกิดการกระจายรายได้และส่งผลให้เกิดการหมุนเวียนเศรษฐกิจในระดับฐานราก

ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 27 กันยายน จนถึงวันที่ 4 ธันวาคม 2562 มีผู้ลงทะเบียนที่ได้ใช้สิทธิ์รวมทั้ง 3 เฟส จำนวน 11.8 ล้านราย มีการใช้จ่ายรวมแล้วกว่า 1.9 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นการใช้จ่ายจาก G-Wallet 1 จำนวน 1.2 หมื่นล้านบาท สำหรับ G-Wallet 2 มีผู้ใช้สิทธิ์จำนวน 275,000 ราย มียอดการใช้จ่ายรวม 7.3 พันล้านบาท หรือเฉลี่ยรายละประมาณ 26,000 บาท โดยยอดใช้จ่ายผ่าน G- Wallet 2 มีอัตราการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง และเมื่อมีการ เพิ่มช่องทางในการสั่งซื้อสินค้าผ่านเว็บไซต์ของไปรษณีย์ไทย ในครั้งนี้คาดว่ายอดการใช้จ่ายผ่าน G-Wallet 2 จะมีอัตราการเติบโตเพิ่มสูงขึ้น

นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า สำหรับการร่วมมือกับไปรษณีย์ไทย เพื่อเพิ่มทางเลือกและอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนที่ได้รับสิทธิตามมาตรการ “ชิม ช้อป ใช้” ทั้ง 3 เฟส ในการสั่งซื้อสินค้าของร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ ผ่านทางเว็บไซต์ thailandpostmart.com โดยชำระเงินด้วยแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ผ่าน G-Wallet 2 นับเป็นการตอบโจทย์ผู้รับสิทธิที่ไม่มีเวลาเดินทาง โดยมีสินค้าหลากหลายให้เลือกจากทุกภูมิภาค และเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการกระตุ้นการใช้จ่ายสู่เศรษฐกิจฐานราก ของประเทศ ซึ่งคาดว่าจะได้รับความสนใจจากประชาชนในการใช้จ่ายผ่าน G-Wallet 2 เพิ่มมากขึ้นตามนโยบายของรัฐบาล และเป็นการสร้างประสบการณ์ให้ประชาชนในการชำระเงินผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันการเข้าสู่สังคมไร้เงินสดตามนโยบาย Thailand 4.0

ด้าน นายพรชัย ฐีระเวช ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการเงิน สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะ รองประธานกรรมการ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด กล่าวว่า รัฐบาลได้ดำเนินนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ผ่านมาตรการส่งเสริมการบริโภคภายในประเทศ ในมาตรการ “ชิม ช้อป ใช้” ทั้ง 3 เฟส โดยขยายช่องทางการซื้อสินค้าของประชาชนไปสู่ e-Marketplace ผ่านช่องทางของ thailandpostmart.com ซึ่งถือเป็นแหล่งรวมสินค้า โอทอปจากชุมชน และผลิตผลทางการเกษตร ในระบบ e-Commerce ที่ใหญ่ที่สุด และยังเป็นการส่งเสริมการจ่ายเงินผ่านระบบอิเลคทรอนิกส์ เพื่อเป็นการกระจายรายได้สู่ท้องถิ่น และผู้ประกอบการรายย่อยโดยตรง

ความร่วมมือในการให้บริการดังกล่าวผ่าน G-Wallet เป็นครั้งแรก ประชาชนสามารถซื้อสินค้าผ่าน e-Marketplace ที่เว็บไซต์ thailandpostmart.com ด้วยขั้นตอนง่ายๆ สะดวกและรวดเร็ว เพื่อการบริโภคหรือ การสั่งซื้อมาเป็นของที่ระลึกในช่วงเทศกาลอันใกล้นี้ เช่น ปีใหม่ ตรุษจีน เป็นต้น คือ เข้าไปที่เว็บไซต์ thailandpostmart.com เลือกซื้อสินค้าในหมวด “ชิม ช้อป ใช้” ที่รวบรวมของดีของเด่นจากจังหวัดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น น้ำผึ้งดอกลำไยแท้ และน้ำผึ้งเบญจพรรณ จากวิสาหกิจชุมชนผลิตภัณฑ์จากผึ้งป่าก๋อย จ.เชียงราย กาแฟถ้ำสิงห์ จากวิสาหกิจชุมชนกลุ่มกาแฟบ้านถ้ำสิงห์ จ.ชุมพร แดงแหนมเนือง จ.หนองคาย วีทีแหนมเนือง จ.อุดรธานี ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวสูตรน้ำนมข้าวจากวิสาหกิจชุมชนชีววิถี จ.น่าน ผ้าไหมไทย จ.สุรินทร์ เสื้อผ้าฝ้ายแต่งขิด จ.ชัยภูมิ เสื้อล้านนา จ.เชียงราย เครื่องประดับเงิน จ. สุโขทัย เป็นต้น

หลังจากเลือกซื้อสินค้าแล้ว กรอกที่อยู่สำหรับจัดส่งสินค้า และเลือกวิธีการชำระเงินด้วยแอปพลิเคชันเป๋าตัง โดยให้จ่ายผ่าน G-Wallet 2 ใส่ G-Wallet ID 15 หลัก และหมายเลขโทรศัพท์ที่ลงทะเบียน “ชิม ช้อป ใช้” จากนั้นยืนยันการทำรายการ สำหรับการใช้จ่ายไม่เกิน 30,000 บาทแรก จะได้รับ cash back 15% และได้รับ cash back 20% สำหรับการใช้จ่าย 30,001 – 50,000 บาท รวมยอด cash back สูงสุด 8,500 บาทต่อราย และเมื่อช้อปสินค้าหมวด ชิม ช้อป ใช้ ที่เว็บไซต์ thailandpostmart.com ครบ 1,000 บาทขึ้นไป รับคูปองส่วนลด 5% สำหรับการใช้จ่ายสินค้าในหมวดอื่นๆ ในครั้งถัดไป ทั้งนี้ ไปรษณีย์ไทย จะพร้อมจัดส่งสินค้าจากเว็บไซต์ thailandpostmart.com สู่ปลายทางทุกที่ทั่วไทยด้วยบริการไปรษณีย์ด่วนพิเศษ EMS ส่งถึงผู้รับภายใน 1-2 วัน

นอกจากนี้ ไปรษณีย์ไทยยังเปิดโอกาสให้กับผู้ประกอบการ กลุ่มวิสาหกิจชุมชนที่สนใจเข้าร่วมโครงการ “ชิม ช้อป ใช้ @thailandpostmart by ไปรษณีย์ไทย” โดยร้านค้าสามารถขึ้นทะเบียนกับกรมบัญชีกลางได้ตั้งแต่วันนี้ ถึง 15 มกราคม 2563 ณ สำนักงานคลังจังหวัด 76 จังหวัด ส่วนในพื้นที่กรุงเทพฯ สามารถยื่นใบสมัครได้ที่กรมบัญชีกลาง เมื่อได้รับการอนุมัติจากกรมบัญชีกลางแล้ว สามารถลงทะเบียนขายสินค้าได้ที่เว็บไซต์ thailandpostmart.com โดยเลือกลงทะเบียนร้านค้าในหมวดชิม ช้อป ใช้ จากนั้นรออนุมัติ 7 วัน เมื่อร้านค้าได้รับ การอนุมัติแล้ว สามารถขายสินค้าได้ทันที

ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.thailandpost.co.th หรือสอบถามข้อมูลอื่นๆ ได้ที่ THP Contact Center 1545