ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 35.75 บาทต่อดอลลาร์ “ทรงตัวไม่เปลี่ยนแปลง” จากระดับปิดวันก่อนหน้า

0
478

นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า แม้ว่า ตลาดการเงินสหรัฐฯ จะปิดทำการเนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า แต่โดยรวมบรรยากาศในฝั่งตลาดการเงินยังคงอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยง หลังผู้เล่นในตลาดต่างคลายกังวลแนวโน้มการเร่งขึ้นดอกเบี้ยของเฟดมากขึ้น โดยทางด้านตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 ของยุโรป ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง +0.46% ทำจุดสูงสุดในรอบ 3 เดือน หนุนโดยบรรยากาศในฝั่งตลาดการเงินที่เปิดรับความเสี่ยง นอกจากนี้ รายงานดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจของเยอรมนี (Ifo Business Climate) เดือนพฤศจิกายน ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นแตะระดับ 86.3 จุด ดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้มาก ก็มีส่วนช่วยหนุนให้ผู้เล่นในตลาดกล้าที่จะเข้าซื้อหุ้นยุโรปมากขึ้น ขณะเดียวกัน รายงานการประชุมธนาคารกลางยุโรปล่าสุด (ECB Meeting Minutes) ที่ส่งสัญญาณเพียงว่า ECB จำเป็นต้องเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง เพื่อคุมปัญหาเงินเฟ้อ แต่ไม่ได้ส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่า ECB จะเร่งขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง (ขึ้นดอกเบี้ย +0.75%) หรือไม่ ก็ช่วยให้ผู้เล่นในตลาดคลายกังวลการเร่งขึ้นดอกเบี้ยของ ECB

ในฝั่งตลาดค่าเงิน ภาวะเปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงิน หลังผู้เล่นในตลาดคลายกังวลแนวโน้มการเร่งขึ้นดอกเบี้ยของเฟดมากขึ้น ยังคงกดดันให้ เงินดอลลาร์อ่อนค่าลง เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก โดยดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ปรับตัวลดลงต่อเนื่องสู่ระดับ 105.8 จุด เข้าใกล้โซนแนวรับสำคัญแถว 105 จุด อีกครั้ง ซึ่งในเชิงเทคนิคัล ต้องจับตาอย่างใกล้ชิดว่า ดัชนีเงินดอลลาร์จะสามารถทรงตัวเหนือโซนแนวรับได้หรือไม่ เพราะหากเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงหลุดจากโซนแนวรับดังกล่าว ก็อาจคอนเฟิร์มแนวโน้มเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงต่อเนื่องในระยะสั้นได้ นอกจากนี้ หากมุมมองของผู้เล่นในตลาดไม่ได้เปลี่ยนแปลงและเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงต่อเนื่องได้จริง ก็มีโอกาสที่จะเห็นราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค.) ปรับตัวขึ้นทดสอบโซนแนวต้านแถว 1,800 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ได้เช่นกัน ซึ่งเรามองว่าในกรณีดังกล่าว อาจมีผู้เล่นบางส่วนทยอยขายทำกำไรทองคำได้ และโฟลว์ขายทำกำไรทองคำดังกล่าวก็มีส่วนช่วยหนุนการแข็งค่าของเงินบาท

สำหรับวันนี้ ปริมาณธุรกรรมในตลาดอาจมีไม่มากนัก เนื่องจากตลาดการเงินฝั่งสหรัฐฯ จะเปิดทำการซื้อขาย เพียงครึ่งวัน ซึ่งเราประเมินว่า ผู้เล่นในตลาดควรระมัดระวังความผันผวนในตลาดการเงินในช่วงที่ปริมาณธุรกรรมอาจเบาบางลงในช่วงเทศกาลขอบคุณพระเจ้า (Thanksgiving) ของฝั่งสหรัฐฯ

สำหรับแนวโน้มค่าเงินบาท เรามองว่า ค่าเงินบาทยังคงได้แรงหนุนฝั่งแข็งค่าจากภาวะเปิดรับความเสี่ยงของตลาด นอกจากนี้ หากราคาทองคำสามารถปรับตัวขึ้นต่อเนื่องได้ ก็อาจมีโฟลว์ธุรกรรมขายทำกำไรทองคำมากขึ้นและหนุนให้เงินบาทแข็งค่าได้เช่นกัน อย่างไรก็ดี เราประเมินว่า การแข็งค่าของเงินบาทอาจถูกชะลอลงได้บ้าง จากแรงขายทำกำไรของนักลงทุนต่างชาติ ซึ่งในสัปดาห์นี้ เราเห็นสัญญาณนักลงทุนต่างชาติเริ่มขายทำกำไรหุ้นไทยบ้าง และเห็นแรงขายทำกำไรการลงทุนในบอนด์ไทย โดยเฉพาะบอนด์ระยะสั้นที่ชัดเจนมากขึ้น นอกจากนี้ บรรดาผู้นำเข้าอาจเริ่มทยอยเข้ามาซื้อเงินดอลลาร์ในช่วงปลายเดือน ทำให้เราประเมินว่า การแข็งค่าของเงินบาทอาจอยู่ในโซนแนวรับ 35.50-35.70 บาทต่อดอลลาร์

ทั้งนี้ การเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ผันผวนสูงในช่วงที่ผ่านมาได้สะท้อนถึงความจำเป็นของการใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่หลากหลายมากขึ้น ทำให้เราคงแนะนำ ผู้ประกอบการควรใช้กลยุทธ์ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนที่หลากหลายมากขึ้น โดยเฉพาะการใช้ Options ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงได้ดีในช่วงที่ตลาดผันผวนหนัก

มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 35.65-35.85 บาท/ดอลลาร์