“กิฟฟารีน” ฉลองใหญ่ครบ 27 ปี ผลประกอบการทะลุแสนล้าน    ย้ำชัด! ปีที่ 28 เป้าหมายเติบโตมั่นคง-แข็งแกร่ง

0
352

กิฟฟารีนสุดปัง จัดฉลองใหญ่ 27 ปี โชว์ผลประกอบการรวมทะลุ 102,173  ล้านบาท ปี 66 พร้อมลุยเต็มสูบทุกช่องทาง มุ่งขยายงานทั้งออฟไลน์-ออนไลน์ โดยใช้ผลิตภัณฑ์โปรตีนจากพืช      “กิฟฟารีน วีแกน มัลติ แพลนท์ โปรตีน” เป็นสินค้าเรือธงในการบุกตลาด หลังเห็นสัญญาณเศรษฐกิจฟื้นตั้งแต่ต้นปี พร้อมตั้งเป้าดันธุรกิจเติบโตไม่น้อยกว่า 4-5% ในสิ้นปี

นายพงศ์พสุ อุณาพรหม รองกรรมการผู้จัดการ และประธานเจ้าหน้าที่เพื่อการเติบโตองค์กร บริษัท กิฟฟารีน สกายไลน์ ยูนิตี้ จำกัด เปิดเผยว่า กิฟฟารีนเพิ่งจัดงาน Giffarine 27th Anniversary Gorgeous Gala Dinner” ฉลองครบรอบ 27 ปี ไปเมื่อวันที่ 14-15 มี.ค.2566 ที่ผ่านมา และนับจากนี้ได้ก้าวเข้าสู่ปีที่28 อย่างมั่นคงและแข็งแกร่ง ภายใต้การปรับตัวแบบ 360 องศา ในช่วง Post-Covid19

ทั้งนี้ เป้าหมายของบริษัทฯ จะรุกหนักในทุกช่องทาง ทั้งออฟไลน์และออนไลน์ พร้อม re-organize สำนักงานธุรกิจกิฟฟารีนทั่วประเทศให้กลายเป็นศูนย์กระจายสินค้าที่ทันสมัย และเป็นร้านค้า display     ที่พร้อมให้ข้อมูลผลิตภัณฑ์มากขึ้น เพื่อขยายฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ เพิ่มขึ้น พร้อมสร้างแอปพรีเคชั่นออนไลน์ ที่มีทั้งตัวช่วยงานขาย ข้อมูลผลิตภัณฑ์ และการประชาสัมพันธ์จุดขายต่างๆ  เพื่อรองรับกิจกรรมทางการตลาดและช่วยกระตุ้นยอดขายให้กับนักธุรกิจกิฟฟารีนแบบครบวงจร นอกจากนี้ ยังเพิ่มศักยภาพช่องทางการสั่งซื้อสินค้าทั้งออนไลน์  ออฟไลน์  และเดลิเวอรี่ของกิฟฟารีนให้มีประสิทธิภาพ รวดเร็ว เข้าถึงง่ายมากขึ้น เพื่อรองรับความต้องการสินค้าของผู้บริโภคในทุกช่องทางที่มีเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ปัจจุบันกิฟฟารีนมีสมาชิกและนักธุรกิจกิฟฟารีนรวมทั้งสิ้น 8.5 ล้านรหัส เป็นสมาชิกนักธุรกิจ 850,000 รหัส มีสมาชิกใหม่เพิ่มขึ้นปีละ 5,000-10,000 รหัส

“ตลอด 27 ปี จากเดือนมี.ค.2539 – ม.ค.2566 กิฟฟารีนมีผลประกอบการรวมทะลุ 102,173  ล้านบาท ที่ผ่านมาแม้เศรษฐกิจจะอยู่ในช่วงขาลง จากผลพวงของการระบาดของโรคโควิด-19 และกำลังซื้อของผู้บริโภคในระบบที่ยังคงถูกจำกัดเฉพาะสิ่งของจำเป็น ทำให้กิฟฟารีนปิดยอดผลประกอบการในปี 2565 ที่ผ่านมา ลดลงจากเป้าหมายเล็กน้อย แต่ในปี 2566 บริษัทฯ ได้มองเห็นสัญญาณของเศรษฐกิจที่เริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ อย่างชัดเจนตั้งแต่ต้นปี จึงตั้งเป้าผลประกอบการในปีนี้ ที่จะสามารถเติบโตได้ไม่น้อยกว่า 4-5% โดยยอดขายหลักมาจากสินค้า 3 กลุ่ม คือ กลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารเสริม กลุ่มสกินแคร์ และกลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลรูปร่าง จากปัจจุบันที่บริษัทฯ มีสินค้าทั้งหมด 6 กลุ่ม คือ 1.กลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง  2.กลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร 3.กลุ่มผลิตภัณฑ์อาหาร 4.กลุ่มผลิตภัณฑ์ยาสมุนไพร 5.กลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ในครัวเรือน และ 6.กลุ่มผลิตภัณฑ์เกษตร” โดยรวมกว่า 2,000 รายการ

นายพงศ์พสุ กล่าวว่า มูลค่าตลาดขายตรงปี 2564 ที่ได้สำรวจไว้ล่าสุดโดยสมาคมการขายตรงไทย มีมูลค่ารวมกว่า 63,800 ล้านบาท ในปี 2566 ยังมีสัญญาณที่ดี และโอกาสใหม่ๆ ที่สดใสในกลุ่มธุรกิจขายตรงทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศทั่วโลก ดังนั้นในปี 2566 นี้ กิฟฟารีนจะบุกตลาดเต็มสูบ โดยใช้ผลิตภัณฑ์โปรตีนจากพืช “กิฟฟารีน วีแกน มัลติ แพลนท์ โปรตีน” เป็นเรือธง หลังดึงครอบครัวดีน  “แมทธิว-ลิเดีย ดีน” เป็นพรีเซนเตอร์ ช่วยปลุกกำลังซื้อและขยายตลาด นอกจากนี้ ยังมีแผนเปิดตัวผลิตภัณฑ์นวัตกรรมใหม่ๆ เข้ามาทำตลาดอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค ปีนี้บริษัทฯ ได้วางงบทำตลาดสำหรับกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารเสริม สกินแคร์ และเครื่องสำอางไว้ประมาณ 100 ล้านบาท ที่เน้นไปทางการทำการตลาดผ่านช่องทางออนไลน์   ออฟไลน์ และOut of Home

“ในช่วงกลางปีนี้ กิฟฟารีนมีแผนที่จะออกสินค้าใหม่ในกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารเสริมดูแลรูปร่าง  เพื่อเจาะตลาดคนรุ่นใหม่ที่ใส่ใจเรื่องสุขภาพ และชื่นชอบการรับประทานผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเสริมโปรตีน”

เกี่ยวกับ “กิฟฟารีน”

“ทุกครั้งที่คุณใช้กิฟฟารีน นั่นคือความรับผิดชอบของเรา…ทุกครั้งที่คุณเชื่อมั่นในกิฟฟารีน นั่นคือ ความภูมิใจของเรา” กิฟฟารีนก่อกำเนิดจากความมุ่งมั่นของคณะแพทย์ และเภสัชกรที่ร่วมกันพัฒนาผลิตภัณฑ์ เพื่อคุณภาพชีวิตของคนไทย ผ่านการรับรองที่ถูกต้องตามหลักวิชาการ ด้วยปณิธานยึดมั่นในความจริงใจ และความรับผิดชอบต่อผู้บริโภคอันเต็มเปี่ยม “กิฟฟารีน” มียอดขายที่เติบโตอย่างต่อเนื่องอันเกิดจากการวางแผนการตลาดที่มีวิสัยทัศน์ แผนการขายที่มีประสิทธิภาพ สามารถสร้างความมั่นคงให้แก่นักธุรกิจกิฟฟารีน พร้อมทั้งการสนับสนุนด้วยผลิตภัณฑ์คุณภาพ ในฐานะผู้นำธุรกิจเครือข่ายที่พร้อมจะตอบสนอง และสร้างความพึงพอใจแก่ผู้บริโภคในระยะยาว ปัจจุบัน “กิฟฟารีน” มีโรงงานที่ได้รับมาตรฐานระดับโลก ด้วยเงินลงทุนสูงกว่า 1,000 ล้านบาท เพื่อให้สามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับคนไทยมากที่สุด รวมไปถึงสามารถควบคุมต้นทุนการผลิต ตลอดจนคัดเลือกคุณภาพของวัตถุดิบที่ดีที่สุด