กลุ่มบริษัทเอไอเอ รายงานผลการดำเนินงานธุรกิจใหม่ในไตรมาสที่ 3 ประจำปี 2563 มูลค่าธุรกิจใหม่เติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 22 เปรียบเทียบกับไตรมาสที่แล้ว

0
1478

กลุ่มบริษัทเอไอเอ (“บริษัท” รหัสหลักทรัพย์: 1299) รายงานผลการดำเนินงานของ
ไตรมาสที่ 3 สิ้นสุด ณ วันที่ 30 กันยายน 2563

สรุปสาระสำคัญทางการเงิน
อัตราการเติบโตที่รายงานคิดเปรียบเทียบกับไตรมาสที่แล้ว และจากอัตราแลกเปลี่ยนคงที่
มูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) คิดเป็น 706 ล้านเหรียญสหรัฐ เติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 22
เบี้ยประกันภัยรับปีแรก (ANP) เพิ่มขึ้นร้อยละ 21 เป็น 1,359 ล้านเหรียญสหรัฐ
อัตรากำไรของมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB margin) คิดเป็นร้อยละ 51.6 เท่ากับไตรมาสที่ 2 ประจำปี 2563
เบี้ยประกันภัยรับรวม (TWPI) เพิ่มขึ้นร้อยละ 7 เปรียบเทียบกับไตรมาสที่ 3 ประจำปี 2562

ตารางที่ 1 ผลการดำเนินงานเปรียบเทียบกับไตรมาสที่แล้ว
หน่วย : ล้านเหรียญสหรัฐ เว้นแต่ระบุเป็นอย่างอื่น

ปี 2563
ไตรมาสที่ 3
ไตรมาสที่ 2
เปรียบเทียบกับไตรมาสที่แล้ว (อัตราแลกเปลี่ยนคงที่)
เปรียบเทียบกับไตรมาสที่แล้ว (อัตราแลกเปลี่ยนตามจริง)
มูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB)
706
569
22%
24%
อัตรากำไรของมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB margin)
51.6%
51.4%
0.2 จุด
0.2 จุด
เบี้ยประกันภัยรับปีแรก (ANP)
1,359
1,096
21%
24%
เบี้ยประกันภัยรับรวม (TWPI)
8,797
8,130
6%
8%

ตารางที่ 2 ผลการดำเนินงานเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
หน่วย : ล้านเหรียญสหรัฐ เว้นแต่ระบุเป็นอย่างอื่น

3 เดือน สิ้นสุด ณ วันที่ 30 กันยายน
9 เดือน สิ้นสุด ณ วันที่ 30 กันยายน
2563
2562
เปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (อัตราแลกเปลี่ยนคงที่)
เปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (อัตราแลกเปลี่ยนตามจริง)
2563
2562
เปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (อัตราแลกเปลี่ยนคงที่)
เปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (อัตราแลกเปลี่ยนตามจริง)
มูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB)
706
980
(28)%
(28)%
2,116
3,255
(34)%
(35)%
อัตรากำไรของมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB margin)
51.6%
67.0%
(15.6) จุด
(15.4) จุด
53.4%
66.0%
(12.6) จุด
(12.6) จุด
เบี้ยประกันภัยรับปีแรก (ANP)
1,359
1,444
(6)%
(6)%
3,938
4,887
(19)%
(19)%
เบี้ยประกันภัยรับรวม (TWPI)
8,797
8,168
7%
8%
25,723
24,573
6%
5%

นายหลี่ หยวน ชยอง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มบริษัทเอไอเอ กล่าวว่า
“กลุ่มบริษัทเอไอเอรายงานการเติบโตที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่องในไตรมาสที่ 3 ด้วยมูลค่าธุรกิจใหม่เติบโตร้อยละ 22 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 2 ซึ่งเป็นผลมาจากการผ่อนปรนของมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยมีเบี้ยประกันภัยรับรวมเติบโตร้อยละ 7 เปรียบเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน และการดำเนินธุรกิจของเรายังคงฟื้นตัวอย่างมั่นคงต่อเนื่อง

“การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้รับการควบคุมเป็นอย่างดีในหลายประเทศที่เอไอเอดำเนินธุรกิจอยู่ ทำให้มีการผ่อนคลายของมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรค ในขณะที่การขายผ่านออนไลน์ยังคงเป็นช่องทางสำคัญที่สร้างยอดขายในบางประเทศ แต่เราก็เห็นถึงสัดส่วนของยอดขายที่เพิ่มขึ้นจากการขายแบบพบเจอลูกค้าเช่นกัน

“รูปแบบการทำงานได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก ซึ่งเป็นผลมาจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อาทิ ค่าใช้จ่ายในการเดินทางของกลุ่มบริษัทลดลงร้อยละ 75 ในไตรมาสที่ 3 เมื่อเทียบกับช่วงไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ในขณะเดียวกันการร่วมมือและการติดต่อสื่อสารภายในกลุ่มบริษัทได้เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ในช่วง 30 วันที่ผ่านมา พนักงานของเราได้ทำการประชุมผ่านวิดีโอออนไลน์เกือบ 280,000 ครั้ง ผ่านระบบเสียงออนไลน์กว่าหนึ่งล้านครั้ง ซึ่งนับเป็นการเปลี่ยนแปลงไปจากรูปแบบการทำงานแบบที่ผ่านมา

“การยอมรับเทคโนโลยี รวมถึงการเปลี่ยนแปลงในวิธีการทำงาน จะเป็นส่วนสำคัญในแผนงานกลยุทธ์ของเราในการเปลี่ยนแปลงเอไอเอ แม้ว่าจะเป็นเพียงช่วงเริ่มต้นของการทำงานด้วยรูปแบบนี้ แต่เราก็สามารถทำได้อย่างดีเยี่ยม
“ธุรกิจบางตัวของเราเป็นแบบดิจิทัลเต็มตัวแล้ว ทำให้สามารถปรับตัวได้อย่างรวดเร็วและมีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง ท่ามกลางสถานการณ์ที่ไม่ปกติในช่วงเวลานี้ ยกตัวอย่างเช่น การร่วมมือของเราในประเทศอินเดีย ซึ่งบริษัท ทาทา เอไอเอ ประกันชีวิต สามารถสร้างการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่ในไตรมาสที่ 3 ได้อย่างดีเยี่ยม แม้ว่าจะอยู่ในช่วงมาตรการปิดเมือง ทั้งนี้เป็นผลมาจากความสามารถในการปรับใช้วิธีการขายแบบออนไลน์ ในขณะที่การเปลี่ยนรูปแบบการสรรหาตัวแทนมาเป็นแบบออนไลน์ในประเทศจีน ก็ช่วยให้เราประสบความสำเร็จในการเพิ่มจำนวนตัวแทนอย่างแข็งแกร่งในปี 2563

“เราได้ดำเนินแผนงานตามกลยุทธ์ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ธุรกิจในประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ประสบความสำเร็จอย่างมาก ในการเปลี่ยนเป็นบริษัทประกันชีวิตที่เอไอเอลงทุนเองทั้งหมดเมื่อวันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา

“ผมมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่เอไอเอ ประเทศจีนได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการกำกับดูแลการธนาคารและการประกันภัยแห่งประเทศจีนในการเริ่มก่อตั้งสาขาใหม่ในมณฑลเสฉวน ซึ่งสาขาใหม่นี้จะเป็นสาขาแรกในประเทศจีนตะวันตก และเป็นก้าวแรกของแผนงานของเรา ที่ต้องการขยายธุรกิจให้ครอบคลุมในประเทศจีน

“กลุ่มบริษัทเอไอเอยังได้ประกาศร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจระยะยาวกับบริษัท Practo Pte จำกัด ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการดูแลสุขภาพแบบดิจิทัลชั้นนำในประเทศอินเดียที่มีเครือข่ายกับโรงพยาบาลและคลินิคชั้นนำกว่า 70,000 แห่ง นอกจากนี้ ทาทา เอไอเอ ประกันชีวิตยังได้ขยายระยะเวลาการเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับธนาคาร IndusInd จำกัด ไปอีก 10 ปี

“ผมมีความภูมิใจอย่างมากที่เอไอเอยังคงสามารถส่งมอบความอุ่นใจและความคุ้มครองให้แก่ลูกค้ากว่าหลายล้านคนของเรา และธุรกิจของเราได้ปรับตัวตามสถานการณ์การดำเนินธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงไปได้อย่างรวดเร็วและว่องไว พนักงานของเราทำงานอย่างมุ่งมั่นในทุกวัน เพื่อให้เป็นไปตามแผนการดำเนินงานและเพื่อปรับรูปแบบองค์กรเอไอเอ ให้มีความง่าย รวดเร็ว และเชื่อมต่อกันมากขึ้น ในขณะที่สถานการณ์ของการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ยังไม่เป็นที่แน่นอน ผมมีความมั่นใจว่าเอไอเอจะสามารถผลักดันให้ธุรกิจประกันชีวิตและสุขภาพมีการเติบโตทั่วทั้งเอเชีย รวมถึงการส่งมอบผลประโยชน์อย่างยั่งยืนในระยะยาวให้แก่ผู้ถือหุ้นของเรา และการมุ่งมั่นส่งเสริมการมีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้นให้แก่ลูกค้าของเรา”

สรุปภาพรวมไตรมาสที่ 3
ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2563 กลุ่มบริษัทเอไอเอมีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งต่อเนื่องในด้านยอดขายของธุรกิจใหม่ โดยมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 22 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 2 ของปี 2563 ซึ่งเป็นผลมาจากการเติบโตของเกือบทุกตลาดที่เราดำเนินธุรกิจอยู่ อัตรากำไรของมูลค่าธุรกิจใหม่เท่ากับไตรมาสที่ 2 ซึ่งเป็นผลกระทบมาจากการลดลงของสมมติฐานเชิงเศรษฐกิจที่มีความเปลี่ยงแปลง รวมไปถึงการเปลี่ยนแปลงทางด้านส่วนผสมทางภูมิศาสตร์ ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายในการควบรวมกิจการลดลงในขณะที่ยอดขายรายไตรมาสเติบโตขึ้น นอกจากนี้ ช่องทางตัวแทนของเราก็มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยสามารถสร้างตัวแทนใหม่เพิ่มขึ้นได้ถึงร้อยละ 20 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 3 ของปี 2562
ในขณะที่ยอดขายระหว่าง 9 เดือนแรกของปี 2563 มีปริมาณลดลงกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน แต่ภาพรวมของธุรกิจยังมีอัตราส่วนที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเบี้ยประกันภัยรับรวม (TWPI) มีมูลค่า 8,797 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 7 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 3 ของปี 2562 อัตราความยั่งยืนของกรมธรรม์ยังคงมีความแข็งแกร่ง และอัตราการเวนคืนกรมธรรม์ในไตรมาสที่ 3 ยังลดลงในประเทศไทยและมาเลเซีย นอกจากนี้ ประสบการณ์เชิงบวกในด้านการเรียกร้องสินไหมค่ารักษาพยาบาลที่รายงานต่อกลุ่มบริษัทในครึ่งปีแรกของปี 2563 ยังคงดีต่อเนื่องมาถึงไตรมาส 3 ซึ่งสอดคล้องกับความมุ่งหวังของเรา

ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2563 มีการเปลี่ยนแปลงครั้งประวัติศาสตร์สำหรับเอไอเอ ประเทศจีน โดยเป็นการเริ่มต้นของการเปลี่ยนธุรกิจของเอไอเอในประเทศจีนแผ่นดินใหญ่จากสาขาเป็นบริษัทในเครือที่เอไอเอลงทุนเองทั้งหมดเมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม พนักงานของเราทำงานกันอย่างหนักกับกระบวนการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ ซึ่งต้องประสานงานกับคู่สัญญามากกว่า 2,000 ราย และหน่วยงานภาครัฐกว่า 150 แห่งทั่วประเทศ ภายในระยะเวลา 3 เดือนของการดำเนินการ บริษัทประกันชีวิตเอไอเอ จำกัด สามารถเริ่มดำเนินธุรกิจในจีนแผนดินใหญ่ได้ในวันที่ 1 ตุลาคม สำหรับโครงสร้างธุรกิจใหม่นี้ ถือเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยสานต่อแผนการดำเนินงานที่มุ่งมั่นของเรา และจากการได้รับการอนุมัติจากประเทศจีนในครั้งนี้ เรากำลังอยู่ในขั้นตอนของการเตรียมการเพื่อเปิดสาขาใหม่ในมณฑลเสฉวน อย่างไรก็ดี มูลค่าธุรกิจใหม่ของเอไอเอ ประเทศจีนในไตรมาสที่ 3 มีการเติบโตใกล้เคียงกับไตรมาสที่ 2 ก่อนที่จะมีการปรับอัตราภาษีหัก ณ ที่จ่ายเป็นร้อยละ 5 ซึ่งเริ่มตั้งแต่วันที่ 9 กรกฎาคมที่ผ่านมา เอไอเอ ประเทศจีน ยังคงสร้างมูลค่าธุรกิจใหม่ให้กับกลุ่มบริษัทมากที่สุด และใน 9 เดือนแรกของปี 2563 เราได้พัฒนาคุณภาพของพรีเมียเอเจอซี่อย่างต่อเนื่องและด้วยการทำงานอย่างมีระบบทำให้เราสามารถสร้างตัวแทนใหม่ได้เพิ่มขึ้นสูงเป็นตัวเลขสองหลัก ทั้งจำนวนตัวแทนทั้งหมดและระดับหัวหน้าตัวแทน

ธุรกิจของเราในฮ่องกงมีผลการดำเนินงานในส่วนของมูลค่าธุรกิจใหม่เพิ่มขึ้นพอประมาณเมื่อเทียบไตรมาสที่แล้ว โดยส่งผลมาจากการเพิ่มขึ้นของยอดขายในประเทศ สำหรับยอดขายจากนักท่องเที่ยวในจีนแผนดินใหญ่ยังคงแทบจะเป็นศูนย์ในไตรมาสที่ 3 นี้ เนื่องมาจากมาตรการกักกันตัวก่อนเข้าประเทศ

เอไอเอ ประเทศไทย มีการเติบโตที่แข็งแกร่งในไตรมาสที่ 3 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา เนื่องมาจากยอดขายที่เพิ่มสูงขึ้นทั้งจากช่องทางตัวแทนและช่องทางแบงก์แอสชัวรันส์ ในขณะที่ธุรกิจของเราในประเทศสิงคโปร์และมาเลเซียสามารถเติบโตได้อย่างดีเมื่อเทียบกับไตรมาสที่แล้วเช่นกัน ด้วยมูลค่าธุรกิจใหม่ที่เติบโตขึ้นมากกว่าสองหลักจากในไตรมาสที่ 2 และเติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากในไตรมาส 3 ของปี 2562

การผ่อนคลายของมาตรการในหลายๆ ประเทศส่งเสริมต่อการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่ในหลาย ๆ ตลาดที่เอไอเอดำเนินธุรกิจอยู่เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า บริษัท ทาทา เอไอเอ ประกันชีวิต มีผลการดำเนินงานที่เติบโตอย่างยอดเยี่ยมเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว และเมื่อเทียบกับพื้นฐานดัชนีการเติบโตของเศรษฐกิจอินเดียท่ามกลางสถานการณ์โรคระบาด ซึ่งปัจจุบันทาทา เอไอเอ ประกันชีวิตได้กลายเป็นผู้นำในตลาดสำหรับธุรกิจที่มอบความคุ้มครองให้แก่ลูกค้ารายย่อย และตลาดอื่น ๆ ของเราก็มีการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่เมื่อเทียบกับไตรมาสที่แล้วเช่นกัน

มุมมองด้านเศรษฐกิจ
หลังจากการหดตัวอย่างรวดเร็วของเศรษฐกิจโลกในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2563 บางประเทศได้ฟื้นตัวกลับมาเติบโตในไตรมาสที่ 3 ซึ่งรวมถึงประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจนั้นแตกต่างกันในแต่ละประเทศ ตามประสิทธิภาพของมาตรการการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และนโยบายของรัฐบาล รวมถึงความสำคัญและความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมการผลิต สำหรับมุมมองในระยะกลางยังคงไม่เป็นที่แน่นอน จากการที่จำนวนผู้ติดเชื้อโรคโควิด-19 ยังคงเพิ่มขึ้นในหลายประเทศ และความตึงเครียดทางการเมืองและทางการค้ายังคงอยู่ในระดับสูง อย่างไรก็ตาม ความต้องการในผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตและการบริการของเอไอเอยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องในระยะยาว เนื่องจากความมั่งคั่งที่เพิ่มขึ้น อัตราการทำประกันชีวิตที่ต่ำ และความคุ้มครองจากสวัสดิการสังคมที่ยังคงอยู่ในอัตราที่ต่ำ ซึ่งเอไอเอมีทั้งช่องทางการขายที่แข็งแกร่ง ผลิตภัณฑ์ที่มีนวัตกรรม การเป็นผู้นำตลาดและความเข้มแข็งทางการเงิน ทำให้มีโอกาสที่จะสร้างการเติบโตของธุรกิจประกันชีวิตและสุขภาพในเอเชียในระยะยาว

ความผันผวนด้านอัตราแลกเปลี่ยน
เอไอเอได้รับเบี้ยประกันภัยส่วนใหญ่เป็นเงินสกุลท้องถิ่น ซึ่งทำให้สินทรัพย์และหนี้สินของเรามีมูลค่าใกล้เคียงกัน ซึ่งช่วยลดผลกระทบทางเศรษฐกิจจากความเคลื่อนไหวของอัตร