SCGC ไม่หวั่น เชื่อมั่นปิโตรเคมีในภูมิภาคเติบโต เดินเกมระยะยาวเสริมแกร่งธุรกิจปิโตรเคมีทุ่มงบ 700 ล้านเหรียญสหรัฐ ลงทุนโครงการเพิ่มวัตถุดิบก๊าซอีเทนใน LSP คอมเพล็กซ์ เวียดนาม

0
99

 เอสซีจี เคมิคอลส์ หรือ SCGC ผู้นำธุรกิจพอลิเมอร์ครบวงจรเพื่อความยั่งยืน พลิกเกมช่วงธุรกิจปิโตรเคมีขาลง เชื่อมั่นในการเติบโตของอุตสาหกรรมปิโตรเคมีในภูมิภาค เดินหน้าเสริมแกร่งธุรกิจด้วยการลงทุนโครงการเพิ่มวัตถุดิบก๊าซอีเทนในบริษัท ลองเซิน ปิโตรเคมิคอลส์ (Long Son Petrochemicals – LSP) ด้วยงบประมาณลงทุนรวมประมาณ 700 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 23,000 ล้านบาท ซึ่งจะช่วยให้โรงงาน LSP สามารถรับวัตถุดิบก๊าซอีเทนจากสหรัฐอเมริกาเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน โดยมีต้นทุนวัตถุดิบที่ต่ำลง และเพิ่มความยืดหยุ่นในการรับวัตถุดิบในการผลิตได้มากขึ้น พร้อมทั้งยังช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก คาดว่าโครงการจะแล้วเสร็จ ปลายปี 2570

นายศักดิ์ชัย ปฏิภาณปรีชาวุฒิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ SCGC เผยว่า “กระบวนการผลิตโอเลฟินส์ของโรงงาน LSP ได้รับการออกแบบให้มีความยืดหยุ่นในการใช้วัตถุดิบตั้งต้นประเภทก๊าซมากขึ้น งบประมาณลงทุนส่วนใหญ่จะนำไปใช้สำหรับการสร้างระบบการจัดการและถังจัดเก็บวัตถุดิบก๊าซอีเทน ซึ่งต้องอยู่ภายใต้อุณหภูมิต่ำประมาณ -90 องศาเซลเซียส รวมทั้งสาธารณูปโภคการรับวัตถุดิบ (supporting facilities) เมื่อโครงการแล้วเสร็จ โรงงาน LSP จะสามารถรับก๊าซอีเทนได้มากถึงสองในสามของปริมาณวัตถุดิบทั้งหมด โดยส่วนที่เหลือจะเป็นก๊าซโพรเพนและแนฟทา”

ทั้งนี้ โรงงาน LSP ได้เริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2567 สามารถผลิตและจำหน่ายพอลิเมอร์คุณภาพสูงเพื่อป้อนตลาดในประเทศเวียดนามและส่งออกไปยังต่างประเทศ โดยผลิตภัณฑ์จากโรงงาน LSP ได้รับการยอมรับในด้านคุณภาพและมาตรฐานระดับสากล

“อย่างไรก็ตาม ในช่วงธุรกิจปิโตรเคมีขาลง SCGC มีแนวทางบริหารจัดการการผลิตของโรงงานทั้ง 3 แห่ง ได้แก่  โรงงานระยองโอเลฟินส์ (ROC) โรงงานมาบตาพุดโอเลฟินส์ (MOC) และโรงงาน LSP ให้เหมาะสมกับราคาวัตถุดิบ ผลิตภัณฑ์ และสถานการณ์เศรษฐกิจโลก เพื่อให้มีศักยภาพการแข่งขันสูงสุด ซึ่งขณะนี้ โรงงาน LSP ได้หยุดการเดินเครื่องชั่วคราว เพื่อบริหารต้นทุนธุรกิจโดยภาพรวม ทั้งนี้ SCGC จะประเมินการกลับมาเดินเครื่องอีกครั้งเมื่อสถานการณ์เหมาะสม โดยระหว่างนี้ โรงงาน LSP จะมุ่งเน้นการยกระดับประสิทธิภาพ (Operational Excellence) และการบำรุงรักษาเครื่องจักรต่าง ๆ เพื่อให้พร้อมผลิตในทันทีที่สภาวะตลาดโลกฟื้นตัว” นายศักดิ์ชัย กล่าวทิ้งท้าย

SCGC Reaffirms Confidence of the Regional Petrochemical Growth, and invests $700 Million
towards the Ethane Feedstock Enhancement Project at LSP Complex, Vietnam,
to Drive Long-Term Str

SCG Chemicals (SCGC), a leading integrated polymer business for sustainability, is making a strategic move to reinforce its petrochemical business amidst the petrochemical trough, showing confidence in the region’s petrochemical industry growth. SCGC is moving ahead with an ethene feedstock enhancement project investment at Long Son Petrochemicals Company Limited (LSP) in Vietnam. This investment, with a budget of 700 million USD (approximately 23,000 million Baht), will upgrade facilities to use imported ethene from the United States as an additional raw material. With this strategic move, LSP can significantly enhance its competitiveness through lower feedstock costs, higher operational flexibility, and reduced carbon emission. The project is expected to be completed by the end of 2027.
Mr. Sakchai Patiparnpreechavud, CEO and President of SCGC, revealed, “LSP’s olefins process is designed for as feedstock flexibility, allowing for increased utilization of gaseous feedstocks. As such, the majority of the investment for the project will be allocated to constructing ethane handling and storage systems, which requires temperature as low as -90°C, as well as supporting facilities. Once completed, LSP will be able to utilize ethene up to two thirds of the total feedstock, in addition to propane and naphtha.”
LSP began its commercial started-up (COD) on September 30, 2024, producing and supplying high-quality polymers to the Vietnamese market and for export. The products from LSP are widely recognized for their quality and compliance with international standards.
“Despite the downturn in the petrochemical industry, SCGC is focused on optimizing production across its three plants: Rayong Olefins (ROC), Map Ta Phut Olefins (MOC), and LSP, to align with raw material prices, product demand, and the global economic situation, maximizing overall competitiveness. Currently, LSP has temporarily suspended operations to manage overall business costs, with plan to resume operations when market conditions are more favorable. During this period, LSP will focus on operational excellence and equipment maintenance to ensure readiness to restart production as the global market recovers,” Mr. Sakchai concluded.