บมจ. อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต เปิดโครงการ “Allianz Ayudhya World Run Thailand Series 2018”ด้วยการวิ่งซีรี่ส์แรก คือ การวิ่งสะสมระยะทางแบบเวอร์ชวลรัน (Virtual Run)ชวนคนไทยวิ่งออกกำลังเพื่อสุขภาพพร้อมอิ่มบุญด้วยการให้ เพราะทุก1กิโลเมตรจะเปลี่ยนเป็นเงินบริจาคให้กับมูลนิธิเพื่อคนพิการไทยและผู้วิ่งรับ 10 คะแนนในแอปพลิเคชันHealthy Living ชุมชนคนรักสุขภาพโดยอลิอันซ์ อยุธยา แลกรับของรางวัลผ่านระบบออนไลน์โดยจะบันทึกระยะทางที่วิ่งผ่านแอปEndomondo ตั้งแต่วันนี้ถึง 25 ต.ค.2561 รวม 90 วันจากนั้นจะต่อด้วยการวิ่งซีรี่ส์ที่สอง ด้วยการวิ่งแบบ Field Runในวันที่ 24 – 25 พ.ย.2561 ชวนนักวิ่งทั่วไป พนักงาน ตัวแทน ลูกค้าและนักวิ่งผู้พิการ เข้าร่วมวิ่งแบบField Run ณ เมืองสุขภาพดีอ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี โดยแบ่งเป็น 3 ประเภท ได้แก่ ฮาล์ฟมาราธอน 21.1 กม. มินิมาราธอน 10 กม.และแฟมิลีรัน 3 กม.
มร.ไบรอัน สมิธ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหารบมจ. อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต กล่าวว่า ตั้งแต่เปิดโครงการ“Allianz Ayudhya World Run Thailand Series2018”เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมามีผู้สนใจสมัครเข้าร่วมกิจกรรมเป็นไปตามเป้าหมายทั้งสองวิ่งซีรี่ส์ภายในไม่ถึงเดือนคือ Virtual Run 8,000 คนและ Field Run 4,000 คน ถือเป็นความสำเร็จขั้นต้น และวันนี้เป็นวันแรกของการเริ่มต้นวิ่งสะสมระยะทางแบบเวอร์ชวลรัน (Virtual Run)ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการเราจึงได้จัดกิจกรรมพิเศษKick Off เปิดตัววิ่งพร้อมกันที่สวนลุมพินี เพื่อปลุกกระแสการวิ่งเพื่อสุขภาพ กระตุ้นให้คนไทยหันมารักษาสุขภาพด้วยการออกกำลังกาย โดยเฉพาะการวิ่งที่เป็นประโยชน์ทั้งต่อสุขภาพของตนเองและยังได้สะสมระยะทางเพื่อแปลงเป็นเงินบริจาคให้กับมูลนิธิคนพิการไทย เรียกได้ว่าได้ทั้งสุขภาพดีและยังได้ทำบุญอีกด้วย
ทั้งนี้ การวิ่งสะสมระยะทางแบบเวอร์ชวลรัน (Virtual Run)เป็นการวิ่งซีรี่ส์แรกและ เป็นครั้งแรก ที่เราเปิดโอกาสให้บุคคลทั่วไปเข้ามามีส่วนร่วมวิ่งเก็บระยะ จากแต่เดิมที่กิจกรรมนี้ จัดเฉพาะพนักงานบริษัทในเครือOne Allianz เท่านั้นโดยผู้เข้าร่วมโครงการสามารถวิ่งสะสมระยะทางผ่านชาเลนจ์บนแอปEndomondoตั้งแต่วันที่ 26 ก.ค. – 25 ต.ค. 2561 รวม 90 วัน ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนหรือวิ่งในเวลาใดก็ตามสามารถสะสมระยะทางที่วิ่งผ่าน Digital Tracker ที่เชื่อมกับแอปEndomondoได้โดยตรง ซึ่งในซีรี่ส์นี้ทุกคนมีอิสระในการวิ่ง จะเร็วหรือช้า ขอเพียงมีความพยายามและมีความตั้งใจก็สามารถร่วมกิจกรรมได้ โดยทุก 1 กิโลเมตรที่วิ่งจะถูกเปลี่ยนเป็นเงินบริจาค 1 บาท โดยอลิอันซ์ อยุธยาจะมอบแก่มูลนิธิคนพิการไทย (สูงสุด 500,000 บาท) เพื่อนำไปทำวีลแชร์มูลค่า 6,000 บาทต่อคัน และทุก 1 กิโลเมตรที่วิ่ง ผู้วิ่งจะได้รับ 10 คะแนนในแอปHealthy Living คอมมิวนิตี้ของคนรักสุขภาพโดย อลิอันซ์ อยุธยา ซึ่งคะแนนสามารถนำมาแลกรับของรางวัลต่างๆ ได้ผ่านระบบออนไลน์
“เป็นที่น่ายินดีอย่างยิ่งที่ในวันนี้ มีผู้เข้าสมัครวิ่งสะสมระยะทางแบบเวอร์ชวลรันจำนวนทั้งหมดถึง8,000 คนประกอบด้วยพนักงานอลิอันซ์ อยุธยาฯพนักงานบริษัทในเครือ One Allianz ลูกค้า ฝ่ายขายและบุคคลทั่วไป ซึ่งให้ความสนใจตอบรับเข้าร่วมงานในวัน Kick Off ที่สวนลุม ถึง 1,200 คน ของผู้สมัคร ทำเอาสวนลุมคึกคักเลยทีเดียว ถือเป็นความสำเร็จที่น่าประทับใจอย่างมากและต้องขอขอบคุณผู้เข้าร่วมกิจกรรมทุกคน ตลอดจนทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องที่ให้ความสำคัญกับกิจกรรมนี้ ซึ่งถือเป็นการรวมพลังครั้งสำคัญของคนไทยที่จะมาปลุกกระแสการวิ่งเพื่อสุขภาพ กระตุ้นให้คนไทยตื่นตัวและหันมาออกกำลังกายด้วยการวิ่ง ซึ่งไม่ต้องลงทุนอะไรมาก แต่กลับให้ประโยชน์อย่างมหาศาลแก่ผู้วิ่งเอง ซึ่งนอกจากจะมีร่างกายที่แข็งแรงขึ้น มีภูมิคุ้มกันโรคภัยต่างๆ แล้ว ยังได้ร่วมกันทำบุญด้วยการบริจาคเงินสมทบให้แก่มูลนิธิเพื่อคนพิการไทยอีกด้วย” มร.ไบรอัน กล่าว
“และจากความสำเร็จของกิจกรรมในวันนี้ ทำให้มั่นใจว่ากิจกรรมต่อเนื่องหลังจากนี้จะได้รับความสนใจจากทุกภาคส่วนอีกเช่นเคย โดยเราจะจัดกิจกรรมวิ่งซีรี่ส์ที่สอง คือ ช่วง Field Run ในวันที่ 24-25พ.ย.2561 อันเป็นการปิดโครงการ“Allianz Ayudhya World Run Thailand Series 2018”ดังนั้นจึงขอเชิญชวนนักวิ่งทั่วไป พนักงาน ตัวแทน ลูกค้า รวมทั้งนักวิ่งผู้พิการ เข้าร่วมการแข่งขันวิ่ง ณ เมืองสุขภาพดีอย่างอำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี โดยจะแบ่งเป็น 3 ประเภท ได้แก่ ฮาล์ฟมาราธอน 21.1 กม. มินิมาราธอน 10 กม.และแฟมิลี่รัน 3 กม. ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่เราสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับสังคมไทยให้เป็นสังคมที่มีแต่ความเอื้ออาทรต่อกัน เป็นสังคมที่ผู้คนมีสุขภาพดีทั้งกายและใจ ตลอดจนมีการแบ่งปันให้แก่กันและกัน ซึ่งเราได้สนับสนุนกิจกรรมที่เป็นสาธารณประโยชน์มาอย่างต่อเนื่อง สมกับเจตนารมณ์ของเราที่จะเคียงข้างคนไทยในทุกช่วงจังหวะชีวิต ในฐานะผู้นำด้านความคุ้มครองสุขภาพและชีวิตตัวจริง” มร.ไบรอัน กล่าวทิ้งท้าย